ป.ป.ท.13 มี.ค.-เลขาฯป.ป.ท.เผยผลตรวจสอบศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งเข้าข่ายทุจริตขณะนี้ อยู่ที่ 44 ศูนย์ อีก 32 ศูนย์ กำลังเร่งตรวจ หวังไม่พบการทุจริตทุกศูนย์เชื่อยังมีคนมุ่งมั่นทำงานช่วยเหลือประชาชน พร้อมรับป.ป.ท.ได้ข้อมูลเบาะแสตามที่มีกระแสข่าวหักหัวคิวคล้ายเงินทอนวัด แต่อยู่ขั้นตอนตรวจสอบ และเริ่มได้เค้าลางผู้เกี่ยวข้อง ที่น่าจะเป็นคนนอกศูนย์ แต่ยังไม่ระบุถึงว่ารับเงินทอนมากี่เปอร์เซ็นต์
พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินการตรวจสอบการทุจริต เงินอุดหนุนเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง งบประมาณ ประจำปี พ.ศ.2560 ว่า ล่าสุดป.ป.ท.ได้ดำเนินการตรวจสอบศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งที่ได้รับงบประมาณ ทั้ง 76 ศูนย์ พบศูนย์ที่เข้าข่ายการทุจริตมากถึง 44 ศูนย์แล้ว โดยอีก 32 ศูนย์ที่เหลือ กำลังให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบ
ส่วนจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ผลการตรวจทั้งหมดจะพบว่ามีบางศูนย์ บางจังหวัดที่ไม่มีการทุจริตเกิดขึ้นนั้น พ.ท.กรทิพย์ กล่าวว่า วัตถุประสงค์ในการตรวจของ ป.ป.ท.คือต้องการตรวจดูความเป็นจริงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับโครงการนี้ และบอกให้ประชาชนทั้งที่ได้รับและไม่ได้รับผลกระทบทราบ เพื่อในอนาคตจะได้ตรวจสอบ ตรวจทานเอกสารให้รอบคอบ และส่วนตัวมองว่ามีโอกาสที่จะไม่พบเจอการทุจริตทุกศูนย์ฯเพราะยังเชื่อว่ามีคนที่มุ่งมั่นและตั้งใจทำงาน ช่วยเหลือประชาชน การที่จะทุจริตทั้งร้อยเปอร์เซนต์แม้การลงพื้นที่ตรวจจะมีเบาะแสพบจนต้องตรวจทุกพื้นที่ แต่ก็เป็นการตรวจว่าพบเจออะไร ตามที่ได้ข้อมูลมาหรือไม่ หากพบเจอก็นำคนที่ทำการทุจริตมาลงโทษตามกฎกติกา
ส่วนรูปแบบการทุจริตจนถึงขณะนี้ต้องบอกว่า มีลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่ไม่เหมือนกันทุกศูนย์ แต่ที่เจอเหมือนๆกันคือเอาหลักฐานของคนอื่นมาเบิกเงิน แล้วก็นำเงินมาจ่ายบ้าง ไม่จ่ายบ้างหรือไม่จ่ายเลยก็มี ส่วนที่ต่างกันก็คือ เรื่องการการไปนำรายชื่อหลักฐานมาเบิกเงิน
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ หักหัวคิวหรือเงินจากโครงการนี้ ตั้งแต่ร้อยละ 20-50 ลักษณะคล้ายกับทุจริตเงินทอนวัดนั้น พ.ท.กรทิพย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ ป.ป.ท.ก็ได้ข้อมูลเบาะแสมาเช่นกัน อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ ล่าสุด เริ่มได้เค้าลางของผู้เกี่ยวข้องน่าจะเป็นคนนอกศูนย์แล้ว ข้อมูลที่ได้ยังไม่ได้ระบุถึงว่ารับเงินทอนมากี่เปอร์เซ็นต์จากโครงการนี้และเกี่ยวข้องในฐานะอะไร จะเป็นผู้ร่วมทำผิด หรือพฤติการณ์อื่น ต้องขอเวลา
“ตอนนี้เห็นรูปร่างของคนนอกศูนย์ฯ แล้ว เหลือขอข้อมูลที่ชัดเจน เพื่อเติม คิ้ว ตา จมูก ปาก เพื่อจะได้ระบุชัดว่าเป็นใคร ตอนนี้เห็นชัด กว่าร้อยละ 80 แล้วว่าเป็นใคร พบว่ามีมากกว่า 1 คน ส่วนเป็นขบวนการหรือไม่ ขอเวลาอีกไม่นาน ไม่น่าจะเกิน 31 พ.ค.นี้ ซึ่งเป็นกำหนดจบภารกิจ จะทราบแน่นอน”เลขา ป.ป.ท. กล่าว
ทั้งนี้ หลังเป็นข่า วทำให้การลงพื้นที่ตรวจสอบพบปัญหาที่ทุกศูนย์ฯ ทำเหมือนกันคือการพยายามสร้างพยาน หลักฐานเท็จ โดยไปพบพี่น้องประชาชนไปบอกว่า ถ้า ป.ป.ท.ลงไปตรวจสอบให้บอกว่าได้เงินแล้ว ปรากฎการณ์เช่นนี้ขอเรียกว่าเป็นการฆ่าตัวเอง เพราะรู้ว่ากระทำผิดแล้ว ยังกล้ากระทำผิดซ้ำครั้งสอง และยังไปลากประชาชนมาเดือดร้อนด้วย ย้ำว่าการจากลงพื้นที่พบว่าประชาชนไม่ได้เชื่อในสิ่งที่เจ้าหน้าที่ศูนย์บอกทั้งหมดแล้ว ทุกคนให้ความร่วมมือกับ ป.ป.ท.อย่างดี การจะมาทำหลักฐานใหม่ไม่ได้ทำให้ความผิดที่เกิดแล้วลดลง ขอเตือนว่าอย่าทำดีกว่าและขอให้หันมาร่วมให้ข้อมูลความจริงกับ ป.ป.ท.จะดีกว่า
ส่วนหน่วยงานต้นเรื่องโครงการคือกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ยืนยันว่าได้รับความร่วมมืออย่างดี ไม่มีความขัดแย้งใดๆเพราะที่มาได้ถึงตอนนี้เพราะได้รับความร่วมมืออย่างดีจากทุกฝ่าย
เมื่อถามว่าโครงการนี้เริ่มต้นยังพบการทุจริตมากขนาดนี้ควรยกเลิกโครงการในปีถัดไปหรือไม่ เลขาป.ป.ท.กล่าวว่า การตรวจสอบนี้คำตอบที่ได้จะนำไปสู่การร่วมแก้ไขปัญหา อุดช่องโหว่โครงการ ไม่ใช่นำไปสู่การยกเลิกโครงการ ส่วนตัวมองว่าโครงการนี้ดี ช่วยเหลือประชาชนคนยากไร้ คนเป็นโรค คนไร้ที่พึ่ง เพียงแต่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากเห็นขึ้นมา
“ส่วนงบประมาณปี 61 ที่กำลังดำเนินโครงการ ทุกหน่วยลงพื้นที่ตรวจสอบขนาดนี้ ผมว่าโอกาสการทุจริตคงจจะเกิดน้อยลง ใจอยากพูดว่าไม่มีโอกาส แต่ก็รับปากไม่ได้ แต่ผลกระทบจากการตรวจสอบ การที่สังคมจับจ้อง น่าจะทำให้คนกระทำผิดหรือคิดทำผิดน่าจะไม่กล้าอีกต่อไป”เลขา ป.ป.ท. กล่าว.-สำนักข่าวไทย