ทำเนียบฯ 8 มี.ค. – คมนาคมยืนยันพัฒนาระบบรางครอบคลุมทั่วประเทศทุกมิติทั้งรถไฟฟ้าในเมือง รถไฟความเร็วสูง และรถไฟทางคู่ โดยจะทยอยเสนอ ครม.อนุมัติเดินหน้าโครงการ เม.ย.นี้
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรี ร่วมพูดคุยกับสื่อมวลชนในงาน Meet The Press ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวถึงแนวทางการพัฒนาระบบรางของกระทรวงคมนาคม ถือเป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ หลังจากไทยว่างเว้นการลงทุนมานาน โดยระบบรางที่สำคัญไม่ว่ารถไฟฟ้าเพื่อแก้ไขปัญหาจราจรในเมือง 10 เส้นทาง กระทรวงคมนาคมยืนยันว่าจะมีการเสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติเดินหน้าการก่อสร้างทุกเส้นทางภายในปี 2561
ขณะที่รถไฟทางคู่ที่จะทำเพิ่มจากปัจจุบันไทยมีเส้นทาง 4,000 กม.ในจำนวนดังกล่าวมีเพียงร้อยละ 9 เป็นรถไฟทางคู่และหากเป็นไปตามเป้าหมายโดยการก่อสร้งรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง ที่เริ่มก่อสร้างเสร็จก็จะทำให้ไทยมีรถไฟทางคู่เพิ่มเป็นร้อยละ 33 หากรวมเฟส 2 อีก 9 เส้นทางจะทำให้ไทยมีรถไฟทางคู่เพิ่มเป็นร้อยละ 67
ส่วนโครงการรถไฟความเร็วสูงนั้น กระทรวงคมนาคมมีแผนพัฒนาโครการในอนาคตตามผลการศึกษารวมระยะทาง 2,506 กม. แบ่งเป็นรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เริ่มก่อสร้างแล้ว โดยปีนี้กระทรวงมั่นใจว่าจะสามารถเปิดประมูลครบทั้ง 14 ตอนภายในปี 2561 ส่วนโครงการความร่วมมือไทย-ญี่ปุ่น เส้นทางกรุงเทพฯ-พิษณุโลก ระยะทาง 380 กม.เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการภายในเดือนเมษายนนี้ และในอนาคตต่อเส้นทางจากพิษณุโลกไปเชียงใหม่อีก 288 กม. ดำเนินการปี 2565-2569 นอกจากนี้ ยังมีรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-ระยอง ระยะทาง 260 กม. กรุงเทพฯ-หัวหิน 211 กม. รวมทั้งในอนาคตจะต่อเส้นทางถึงจังหวัดสุราษฎร์ธานีและปะดังเบซาร์
“เดือนเมษายนนี้จะนำโครงการเข้าขอความเห็นชอบจาก ครม.ทั้งรถไฟทางคู่เส้นใหม่ เส้นทางเด่นชัย-เชียงใหม่ และเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ รวมทั้งบ้านไผ่-นครพนม“ นายอาคม กล่าว
นายอาคม ยังกล่าวถึงปัญหาบริการของสายการบินโลว์คอสแอร์ไลน์ที่เกิดปัญหาล่าช้าบ่อยครั้งจนมีผู้โดยสารร้องเรียนและแชร์ผ่านโซเชียลมีเดียหลายครั้ง ว่า ได้สั่งการให้สำนักงานการบินพลเรือน (กพท.) เรียกสายการบินดังกล่าวมาพูดคุย โดยสาเหตุการล่าช้าไม่ว่าจะมาจากปัญหาผลกระทบที่ต่อเนื่องจากเที่ยวบินก่อนหน้าหรือปัญหาการจราจรทางอากาศที่คับคั่ง อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาการที่ผู้ประกอบการจะให้บริการจะต้องแจ้งจำนวนเครื่องบินและเที่ยวบินที่ต้องมีปริมาณสอดคล้องเพียงพอต่อการให้บริการ โดยขอให้ กพท.กำชับดูแลเพื่อไม่ให้ปัญหาดังกล่าวกระทบความเชื่อมั่นผู้โดยสารที่มาใช้บริการ.-สำนักข่าวไทย