สมชัยชี้สนช.ล้มเลือกว่าที่กกต. ไม่กระทบเลือกตั้ง

สำนักงาน กกต. 23 ก.พ.- “สมชัย ศรีสุทธิยากร” เชื่อไม่มีใบสั่งล้มกระดานเลือกว่าที่ กกต.ทั้ง 7 คน  ชี้ กติกาสร้างปัญหาใหญ่  ติดหล่มไร้ทางออก  ทำได้แค่ต้องประคองสถานการณ์สรรหาให้ได้คนดี  ยืนยัน กกต.ชุดปัจจุบันพร้อมทำงานเต็มที่ ไม่กระทบการเลือกตั้งใด ๆ ทุกประเภท


นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)  กล่าวถึงกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์ มีใบสั่ง กรณีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติไม่เห็นชอบบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็น กกต.ทั้ง 7 คน ว่า ส่วนตัวไม่เชื่อว่ามีใบสั่งอย่างที่ปรากฎทางสื่อ  เพราะถ้าดูจากคะแนนที่ผู้ได้รับการเสนอชื่อได้รับทั้งสูงสุดและต่ำสุด  ค่อนข้างธรรมชาติมาก ถ้ามีใบสั่งคะแนนที่ได้จะต้องเกาะกลุ่มกันมากกว่า   แต่ก็อาจเป็นเพราะเป็นการลงคะแนนลับด้วยทำให้ สนช. มีเสรีภาพไม่ต้องคำนึงว่าใครจะรู้ว่าลงคะแนนให้ใคร  ส่วนสาเหตุที่ประชุม สนช.ไม่รับทั้งหมด คิดว่าประธาน สนช.คงจะพูดชี้แจงแทนสมาชิกทุกคนไม่ได้  เพราะเป็นการลงคะแนนลับ  ไม่รู้ว่าสมาชิกแต่ละคนคิดอย่างไร  แต่สมควรที่ประธาน สนช.จะต้องวิเคราะห์ให้ได้  เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการไม่รับรองในรอบใหม่  

นายสมชัย กล่าวว่า ส่วนตัววิเคราะห์ว่า  1. เป็นปัญหาในกระบวนการสรรหาตามกฎหมายใหม่ที่กำหนดให้การลงคะแนนทั้งของคณะกรรมการสรรหา และที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาต้องทำโดยเปิดเผย  ซึ่งเมื่อได้ตรวจสอบจากรายงานการประชุมของคณะกรรมการรสรรหายังพบว่าขาดความสมบูรณ์ว่ากรรมการสรรหาแต่ละคนลงมติเลือกใคร  ส่วนของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา การใช้บัตรลงคะแนนโดยไม่รู้เป็นบัตรของใครถือว่าทั้ง 2 ส่วน ยังไม่ได้ใช้วิธีการลงคะแนนโดยเปิดเผยตามที่กฎหมายกำหนด  คิดว่าคณะกรรมการทั้ง 2 ส่วนควรจะต้องใช้บทเรียนนี้ในการพิจารณาทบทวน  เพราะเชื่อว่าเป็นส่วนที่สนช.มองว่าเป็นปัญหาจนไม่อาจลงมติรับรองได้ หากไม่ทบทวนก็จะทำให้การเสนอชื่อครั้งต่อไปถูกคว่ำ ซึ่งก็จะเสียของไปเรื่อย ๆ 


นายสมชัย กล่าวว่า 2.เป็นปัญหาของผู้เขียนกฎกติกาที่มุ่งหมายให้ดีเลิศจนเกินความเป็นจริง  เพราะถ้ามองว่าผู้ได้รับการเสนอชื่อมีปัญหาเรื่องความรู้  ความ สามารถ  มือไม่ถึงที่จะมารับผิดชอบงานเลือกตั้ง  ปัญหานี้จะไปโทษผู้ได้รับเสนอชื่อทั้ง 7 คนไม่ได้ เพราะผ่านการสรรหามา  หรือจะโทษคณะกรรมการสรรหาว่าสรรหาอย่างไรจึงได้คนที่มือไม่ถึง  ก็ไม่ควร เพราะคณะกรรมการสรรหาทำภายใต้กรอบกติกาที่มี ดังนั้นถ้าจะโทษต้องโทษผู้เขียนกติกา

“ไปเขียนกติกาว่าต้องลงคะแนนสรรหาโดยเปิดเผย  ทำให้เกิดปัญหาว่าเลือกได้กกต. 2 คน  แต่ทำให้เกิดความแตกแยกในหมู่ผู้พิพากษา หรือเขียนว่า กกต.ต้องมีคุณสมบัติขั้นเทพ ต้องเคยดำรงตำแหน่งเทียบเท่ากับหัวหน้าส่วนราชการและเป็นไม่น้อยกว่า 5 ปี  ผลที่เกิดใต้กติกาทำให้ผู้มีคุณสมบัติในการทำงานตกเสป็ก รองปลัดกระทรวงสมัครก็ถูกคัดออก  เพราะหัวหน้าส่วนราชการถูกตีความว่าต้องเป็นปลัดกระทรวง เป็นผบ.ทบ. หรือ ผบ.ตร. และยังต้องเป็นมาแล้ว 5 ปี ถามว่าในประเทศไทยนี้จะมีใครบ้างที่เป็นตำแหน่งเหล่านี้นาน 5 ปี  แล้วยังไปเปิดให้กลุ่มครู ข้าราชการอื่น ๆ ถ้ามีใบประกอบวิชาชีพทำงานมา 20 ปี  ก็ถือว่าเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติจึงได้คนเป็นครู เป็นอธิการบดี เข้ามา แต่การกำหนดกติกาเช่นนี้ทำให้คนที่ดีคนที่ทำงานได้ถูกกรองออกไป” นายสมชัย กล่าว

นายสมชัย กล่าวว่า ในการสรรหารอบใหม่คณะกรรมการสรรหาก็ควรที่จะยึดมติการตีความหัวหน้าส่วนราชการ ว่าผู้สมัครที่เป็นทหาร  ตำรวจจะต้องเป็น ผบ.ทบ. ผบ.ตร. และดำรงตำแหน่งมาไม่น้อยกว่า 5 ปีไว้  ไม่เปลี่ยนบรรทัดฐาน  การเขียนกติกาการได้มาซึ่งคณะกรรมการสรรหาอึดอัดกว่า  เพราะไม่เพียงคุณสมบัติต้องเหมือน กกต. แต่ต้องเหนือกว่า เพราะต้องไม่ทำงาน  หรือรับตำแหน่งใดในขณะสรรหาถือเป็นมหาเทพ  เราจึงได้คนที่เกษียณอายุราชการเท่านั้น และยังต้องไม่เกี่ยวข้องหรือเคยทำงานกับองค์กรอิสระใด ๆ คือไม่เป็นที่ปรึกษาหรืออนุกรรมการ   จึงได้อดีตข้าราชการจากกระทรวงที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการบริหารบ้านเมือง  การเลือกตั้งเลย  เช่น  อธิบดีกรมหม่อนไหม อธิบดีกรมข้าว เมื่อผู้สมัครไปแสดงวิสัยทัศน์ คณะกรรมการสรรหาก็อาจมีขีดจำกัดในการวิเคราะห์ ว่าความคิดของผู้สมัครสามารถนำมาใช้งานได้จริงหรือไม่


“ถ้าไปอ่านในรายงานของคณะกรรมการสรรหาที่เสนอต่อ สนช. ในส่วนการสัมภาษณ์ ผู้ผ่านการคัดเลือก จะเห็นว่าถามอย่างหนึ่ง ก็ตอบอย่างหนึ่ง  และถ้าคนที่รู้เรื่องการเมืองการเลือกตั้ง ก็จะพูดได้การตอบแบบนี้ไม่ตรงประเด็น ดังนั้นจะไปโทษผู้สมัคร หรือกรรมการสรรหาไม่ได้ ต้องโทษคนเขียนกติกาที่คาดหวังความดีเลิศมากเกินไปหรือไม่” นายสมชัย กล่าว

นายสมชัย กล่าวว่า วันนี้ ทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะต้องไปแก้ไขกฎหมาย ดังนั้นโจทย์ใหญ่คือทำอย่างไรจะประดับประคอบสถานการณ์ให้การสรรหา ได้คนพอใช้ได้หรือดีระดับหนึ่ง ต้องทำให้คนยอมรับได้  ซึ่งเป็นโจทย์ที่กรรมการสรรหาชุดปัจจุบันต้องทำ จึงไม่ควรที่สังคมจะไปโทษคณะกรรมการสรรหา อย่าไปทำให้เขาน้อยใจจนลาออก เดือดร้อนต้องมาหากรรมการสรรหา ซึ่งก็หาได้ยากมาก และเดิมมีกรรมการสรรหา 6 คน จาก 7 คน  แต่วันนี้ก็เหลือแค่ 5 คนแล้ว เพราะมีคนหนึ่งไปเป็นรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งก็ทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็นคณะกรรมการสรรหา

นายสมชัย ยังกล่าวว่า ในส่วนของ กกต.ก็ยืนยันว่าเราจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ สิ่งที่คิดว่าจะรอชุดใหม่มาดำเนินการก็คงรอไม่ได้ เพราะกระบวนการสรรหาชุดใหม่น่าจะใช้เวลาประมาณ  6 เดือนเต็ม   ฉะนั้นคาดว่าจะมีชื่อ กกต. ชุดใหม่เดือนสิงหาคม   กกต.ชุดปัจจุบันก็จะทำงานต่อไป  ไม่มีผลกระทบใด ๆ กับการเลือกตั้งทุกประเภท  โดยในประชุม กกต.วันที่ 27 ก.พ. คงจะต้องหารือกำหนดท่าทีในเรื่อง การคัดเลือกเลขาฯ กกต.  การออกระเบียบสรรหาผู้ตรวจการเลือกตั้ง และการคัดเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้ง  จะดำเนินการไปเลยหรือไม่   

“ผมคิดว่า เราควรมีหัวหน้าหน่วยงานมาทำงานเต็มที่ เพื่อเตรียมการในการเลือกตั้ง และการเลือกตั้งท้องถิ่นที่อาจจะมีขึ้น ซึ่งจะควบคุมได้ยากกว่าการเลือกตั้งทั่วไป เพราะมีเรื่องของการซื้อเสียง  ก็จำเป็นที่ กกต.จะต้องคัดสรรผู้ตรวจการเลือกตั้งมาไว้ให้เพียงพอ เพื่อเข้าไปช่วยดูแล ส่วนในเรื่องร้องเรียนต่าง ๆ เราก็จะเร่งรัด อย่างเรื่องหุ้นรัฐมนตรี ก็คิดว่าภายใน 2 เดือนนี้จะได้เห็นและ กกต.ชุดนี้จะวินิจฉัยว่าจะส่งศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่” นายสมชัย กล่าว

นายสมชัย กล่าวว่า สิ่งที่กังวล  คือชุดใหม่มาช้าเท่าไหร่   เวลาที่จะเหลือจาการเตรียมการเลือกตั้งก็จะน้อยลง   รากเหง้าของปัญหาคือ ไม่ควรเซตซีโร่ กกต.ชุดนี้   ถ้าคุณไม่เซตซีโร่แต่แรก  ปัญหาวันนี้ก็คงไม่เกิด  จะไม่มีปัญหาเรื่องการเปลี่ยนผ่าน    จะด้วยปัญหาไม่อยากได้ปลาสองน้ำ ณ วันนี้ ได้ปลาสองน้ำแบบที่ตั้งใจหรือไม่   เมื่อเซตซีโร่แล้ว ก็ต้องรับสภาพกับปัญหาที่เกิด  เราก็รับสภาพ  เราเก็บของเตรียมส่งมอบงาน  แต่ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะส่งมอบได้เมื่อไหร่  เมื่อส่งไม่ได้แล้วใกล้เลือกตั้ง  การได้มือใหม่ในช่วงใกล้เลือกตั้งมากเท่าไร่ก็จะยิ่งเป็นปัญหา  ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับว่าเราจะช่วยกันดูสถานการณ์อย่างไรให้เป็นการลงอย่างซอฟแลนดิ้ง  ทำอย่างไรไม่ให้เกิดผลกระทบ 

เมื่อถามว่า เลขาฯ วุฒิสภาระบุว่าการสรรหา กกต.ใหม่ กฎหมายไม่ได้กำหนดเรื่องกรอบเวลาไว้  นายสมชัย กล่าวว่า ตามบทเฉพาะกาลของ พ.ร.ป. กกต. จะเขียนถึงการสรรหาครั้งแรกไว้ ว่าให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน  ซึ่งก็คิดว่าน่าจะเทียบเคียงจากตรงนี้ได้ และขณะนี้มีคณะกรรมการสรรหาอยู่แล้ว จึงน่าจะตัดขั้นตอนของการสรรหาคณะกรรมการสรรหา 20 วันออก กระบวนการ 90 วันน่าจะเริ่มนับเมื่อประธานศาลฎีกาได้รับจดหมายแจ้งจากประธาน สนช. ให้ดำเนินการสรรหา.- สำนักข่าวไทย      

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทหารกัมพูชาขุด “คูเลต” ลากยาว 650 เมตร

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- เปิดภาพ! “คูเลต” ทหารกัมพูชาขุดลากยาว 650 เมตร จากต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว จุดปะทะทหารไทย เมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี หลังพบขุดคูเลต จากจุดต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว ระยะทาง 650 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา เพราะเป็นการละเมิด MOU 2543 เป็นครั้งที่ 2 แต่ทางทหารกัมพูชากับยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน โดยช่วงนี้อยู่ระหว่างการเจรจาของผู้นำในพื้นที่ทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายทหารไทยยืนยันว่าให้ทหารกัมพูชา ออกจากพื้นที่อ้างสิทธิพร้อมกัน-313 .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ ทหารไทยเข้าเจรจากลับยิงสวน ลั่นปกป้องอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 เต็มที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึง เหตุปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา กำลังพลของกองกำลังสุรนารีได้ลาดตระเวนและพบว่า ทหารกัมพูชาขุดคูเลต เช่นเดียวกับเนิน 745 ช่องบก ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา แต่ทางกัมพูชา ยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน อย่างที่เป็นข่าว สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อจากนี้ ผู้บังคับบัญชาในระดับพื้นที่กำลังพูดคุยเจรจา “ยืนยันว่าทหารไทยทำหน้าที่รักษาอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 ซึ่งในพื้นที่ทับซ้อนของทั้ง 2 ประเทศ จะมีการออกลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายล้ำเข้ามา ซึ่งทุกฝ่ายต้องยึดตาม MOU 2543”.-313.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารกัมพูชา

ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณช่องบก คลี่คลายแล้ว

กองทัพบก 28 พ.ค.-ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว อยู่ระหว่างรอการเจรจา พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา โดยระบุว่าได้รับรายงานจาก กองกำลังสุรนารีเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.30 น. โดย หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ได้รับการรายงานว่ามีทหารกัมพูชาเข้ามาวางกำลังในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลง ฝ่ายไทยจึงจัดชุดประสานงานเพื่อเข้าพูดคุยเจรจาตามแนวทางการปฏิบัติที่เคยกระทำมา เมื่อถึงบริเวณดังกล่าว กำลังส่วนระวังเหตุของทหารกัมพูชา ได้เข้าใจผิด และเริ่มใช้อาวุธ ฝ่ายไทยจึงใช้อาวุธตอบโต้กลับไป โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ต่อมาเวลา 05.55 น. พลตรี ทล โซะวัน รองผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ฝ่ายกัมพูชา ได้โทรศัพท์ประสานงานกับ พันเอก บุญเสริม บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติ โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงหยุดยิงและตรึงกำลังบริเวณจุดปะทะ ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี เพื่อจัดการกรณีอ้างสิทธิในพื้นที่ และกำหนดแนวทางร่วมกันในการปฏิบัติอย่างสันติ ตามข้อตกลงที่มีอยู่ […]

มติเอกฉันท์ สภาอนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล”

รัฐสภา 28 พ.ค.- สภาเอกฉันท์อนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล” ให้ธนาคารร่วมชดใช้ค่าเสียหายจาก “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” เร่งคืนเงินผู้เสียหาย ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ วาระการพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 และ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ ซึ่งแบ่งเวลาในการอภิปรายฝ่ายละ 2 ชั่วโมง รวม 4 ชั่วโมง และจะเป็นการรวมพิจารณา และแยกลงมติทีละฉบับ โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอหลักการว่า เนื่องจากปัจจุบัน มี พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ยังมีมาตรการบังคับทางกฎหมายที่ยังไม่เพียงพอ กับรูปแบบอาชญากรรม กลุ่มมิจฉาชีพ จึงต้องแก้ไขปรับปรุงให้ทันสมัย เช่น การเร่งคืนเงินให้ผู้เสียหาย, การอาญัติบัญชีม้า, การกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ และมาตรการการโอนเงินผิดกฎหมาย ผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล จากนั้น ได้เปิดโอกาสให้ สส.อภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยนายจุติ […]

ข่าวแนะนำ

“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ ข่าว สส.ดังนครศรีฯ ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา

กทม. 30 พ.ค.-“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ-ไม่รู้ ข่าว สส.ดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมากลางงานบวช ยืนยันไม่เป็นความจริง นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าว สส.ชื่อดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา กลางงานบวชลูกชายของนายก อบต. ต่อหน้าชาวบ้านนับร้อยคน โดยนายชัยชนะ ได้ปฏิเสธข่าวบอก ไม่รู้ ไม่ทราบข่าว พร้อมบอกผู้สื่อข่าวว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อถามว่า เป็นคนรู้จัก หรือคนใกล้ชิดหรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนไม่ทราบเหมือนกัน เพราะตอนนี้ยังไม่ทราบข่าวเลย ก่อนย้ำอีกครั้งว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ตอบว่า “ครับผม” เมื่อถามว่า ไม่ได้เข้าไปในพื้นที่เลยใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนลงพื้นที่วันละหลายงาน และเมื่อถามทิ้งท้ายว่า ไม่มีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ยืนยันว่า “ไม่มี“.-315.-สำนักข่าวไทย

ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้มาตรการภาษี ‘ทรัมป์’ ยังบังคับใช้

วอชิงตัน 30 พ.ค. – ศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางมีคำสั่งในวันพฤหัสบดี ให้มาตรการภาษีตอบโต้ที่ครอบคลุมมากที่สุดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลับมามีผลบังคับใช้อีกครั้งเป็นการชั่วคราว เพียงหนึ่งวันหลังจากที่ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ ตัดสินว่านายทรัมป์ใช้อำนาจเกินขอบเขตในการเรียกเก็บภาษีเหล่านั้นและสั่งให้ระงับมาตรการภาษีดังกล่าวทันที ศาลอุทธรณ์กลางแห่งสหรัฐอเมริกา ประจำเขตวอชิงตัน ระบุว่ากำลังระงับคำตัดสินของศาลชั้นต้นไว้ชั่วคราว เพื่อพิจารณาคำอุทธรณ์ของรัฐบาล และมีคำสั่งให้ฝ่ายโจทก์ที่ยื่นฟ้องหรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภาษีในคดีนี้ยื่นเอกสารตอบกลับภายในวันที่ 5 มิถุนายน และให้ฝ่ายรัฐบาล ซึ่งเป็นฝ่ายที่ถูกฟ้องร้องหรือเป็นผู้กำหนดภาษี ให้ส่งเอกสารตอบกลับภายในวันที่ 9 มิถุนายน นายทรัมป์เขียนแถลงการณ์ที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ว่า เขาหวังว่าศาลฎีกาของสหรัฐจะ ‘กลับคำตัดสินอันเลวร้ายที่คุกคามประเทศ’ ของศาลการค้าระหว่างประเทศ พร้อมทั้งวิพากษ์วิจารณ์ฝ่ายตุลาการของรัฐบาลว่า ‘เป็นปฏิปักษ์ต่ออเมริกา’ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา คณะผู้พิพากษา 3 คนของศาลการค้าระหว่างประเทศ ตัดสินว่ารัฐธรรมนูญให้อำนาจแก่รัฐสภา ไม่ใช่ประธานาธิบดี ในการเรียกเก็บภาษีและอากรศุลกากร และประธานาธิบดีได้ใช้อำนาจเกินขอบเขตโดยการอ้างใช้กฎหมายว่าด้วยอำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศ (International Emergency Economic Powers Act) ซึ่งเป็นกฎหมายที่มุ่งหมายเพื่อรับมือกับภัยคุกคามในสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ.-813.-สำนักข่าวไทย

จับแล้ว “เกม” มือยิงยัดถังถ่วงอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ตะคร้อ

นครสวรรค์ 29 พ.ค. – เมื่อสัปดาห์ก่อน เกิดเหตุสะเทือนขวัญ พบศพถูกยัดใส่ถังพลาสติกขนาด 200 ลิตร โยนทิ้งในอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ตะคร้อ จ.นครสวรรค์ วันนี้จับผู้ต้องหาได้แล้ว จากเหตุสยองอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ เมื่อมีผู้พบศพชายปริศนา ถูกยัดอยู่ภายในถังพลาสติกขนาด 200 ลิตร ลอยอยู่ใกล้กับตลิ่ง เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ตำรวจ สภ.ตะคร้อ ต้องทำงานกันอย่างหนัก เพื่อหาคำตอบให้กับเหตุการณ์อันโหดเหี้ยมนี้ เบื้องต้นสามารถยืนยันได้ว่าชายดังกล่าวเสียชีวิตมาแล้ว 3-5 วัน และมีร่องรอยถูกยิงด้วยปืนลูกซอง จากการตรวจสอบในถังพลาสติกยังพบก้อนหินขนาดใหญ่ ถุงปุ๋ย และกระเป๋าสะพายข้าง ไปจนถึงโทรศัพท์มือถือ ทำให้สามารถค้นหาและทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายจุฑาเพชร หรืออ้วน อายุ 44 ปี ที่รับจ้างทำไร่ในพื้นที่ อ.โคกเจริญ จ.ลพบุรี จากการสืบสวนและแกะรอยจากกล้องวงจรปิดมานานกว่า 1 สัปดาห์ ทำให้พบว่านายปารวี หรือเกม อายุ 35 ปี เป็นผู้ก่อเหตุ เมื่อตรวจสอบรถกระบะและห้างนาของนายเกม ยิ่งพบหลักฐานสำคัญที่ยืนยันได้ว่านายเกมคือคนร้าย […]

ตั้ง 2 ประเด็น เหตุบุกยิง ครู-อส. งานแข่งตะกร้อ

นราธิวาส 29 พ.ค. – เจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานเหตุคนร้ายยิงถล่ม สภ.จะแนะ จ.นราธิวาส คาดผู้ก่อเหตุมีไม่ต่ำกว่า 10 คน ด้านภรรยาตำรวจที่เสียชีวิต ร่ำไห้ทำใจไม่ได้ ส่วนเหตุบุกยิง ครู-อส. กลางงานแข่งตะกร้อ จนท.ตั้ง 2 ปมก่อเหตุ “ปัญหาส่วนตัว-ความมั่นคง” จากเหตุคนร้ายลอบยิงตำรวจขณะเข้าแถวเคารพธงชาติ ที่สถานีตำรวจภูธรจะแนะ ต.จะแนะ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส และยิงใส่ป้อมรักษาการประตู กระทั่งเกิดการยิงตอบโต้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงประมาณ 15 นาที จนกลุ่มผู้ก่อเหตุหลบหนีไป หลังเกิดเหตุ ส.ต.อ.อับดุลเลาะ มะกาเซ็ง อายุ 30 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และสิบตำรวจเอก เจษฎา พรหมรัตน์ อายุ 33 ปี บาดเจ็บสาหัส เมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านตำรวจที่เสียชีวิต เป็นสถานที่จัดงานให้ชาวบ้านมาร่วมทำบุญและแสดงความเสียใจกับครอบครัว หลังนำร่าง ส.ต.อ.อับดุลเลาะ ประกอบพิธีฝังศพที่กูโบร์บ้านบาเร๊ะบาโร๊ะ เมื่อคืนที่ผ่านมา (28 พ.ค.) นางสาวนุชฮูดา […]