กรุงเทพฯ 22 ก.พ.-หลังเกิดเหตุ “ป้าทุบรถ” สร้างแรงกระเพื่อมในสังคมวงกว้าง หลายคนเห็นด้วยกับการกระทำที่ประชาชนต้องปกป้องสิทธิ แก้ปัญหาด้วยตัวเอง ทำให้หลายฝ่ายกังวล หากหน่วยงานรัฐยังเพิกเฉย อาจนำไปสู่ความวุ่นวายในสังคม
แม่ค้าย่านรามอินทราสะท้อนความรู้สึกเห็นอก เห็นใจ และเห็นด้วยกับการกระทำของ “ป้าทุบรถ” ที่ทุกคนควรมีจิตสำนึกการอยู่ร่วมกันในสังคม ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจตลาดย่ามรามอินทรา แม้ไม่ใช่ช่วงเช้าหรือเย็นที่ผู้คนจะพลุกพล่าน แต่เวลาปกติการหาที่จอดรถก็ยากลำบาก ผู้ที่อยู่อาศัยแถบนี้เจอปัญหาจอดรถขวางหน้าบ้านมานาน สังเกตได้จากราวเหล็กที่วางกั้นบริเวณหน้าบ้าน ร้านค้าตัวเอง เพื่อกั้นพื้นที่ไว้เป็นทางเข้า-ออก หรือสงวนให้ลูกค้าของตัวเองเท่านั้น จากการสอบถามผู้ใช้รถ ใช้ถนน แทบทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า หาที่จอดรถยาก ทำได้เพียงขับรถวน จนกว่าจะมีที่จอด
นักวิชาการด้านสิทธิมนุษยชนมองว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นความอึดอัดของผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งไม่ได้รับการแก้ไขจากเจ้าหน้าที่รัฐอย่างจริงจัง เชื่อทุกคนอยากอยู่ในสังคมสงบสุข แต่เบื้องหลังปัญหาของแต่ละบุคคลเป็นตัวจุดชนวนให้เกิดเหตุเช่นนี้
สอดคล้องกับความเห็นของรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ระบุเจ้าหน้าที่รัฐควรบังคับใช้กฎหมายจริงจัง เพื่อเป็นที่พึ่งของประชาชน หากเพิกเฉย อาจนำไปสู่การสร้างค่านิยมที่ประชาชนลุกขึ้นมาแก้ปัญหาด้วยตัวเอง โดยไม่หวังพึ่งกระบวนการยุติธรรมอีกต่อไป
กรณี “ป้าทุบรถ” เป็นเพียงส่วนหนึ่งของปัญหาสังคมไทย ที่สร้างแรงกระเพื่อมในวงกว้าง ปลุกกระแสความอัดอั้นตันใจของคน จนอาจนำเข้าสู่บรรทัดฐานใหม่ของสังคมที่ใช้ความรุนแรงปกป้องสิทธิตัวเอง ตราบใดที่เจ้าหน้าที่รัฐไม่ทำหน้าที่ ดังคำที่ว่า “ข้าราชการที่ดี ทำงานเพื่อประชาชน”.-สำนักข่าวไทย