กก.ปฎิรูปประเทศ เดินหน้าสร้างรัฐบาลดิจิทัล

ทำเนียบฯ 22 ก.พ.- คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านบริหารราชการแผ่นดิน แถลงความคืบหน้าเดินหน้าสร้างรัฐบาลดิจิทัล  เน้นให้บริการประชาชน สะดวก รวดเร็ว บูรณาการทุกภาคส่วนเข้าด้วยกัน ด้านกระบวนการยุติธรรม ให้การร้องทุกข์ การช่วยเหลือจบที่โรงพัก


นางเบญจวรรณ สร่างนิทร รองประธานกรรมการในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านบริหารราชการแผ่นดิน แถลงความคืบหน้าปฏิรูปประเทศไทย หัวข้อ “สร้างมิติใหม่ภาครัฐ ยืนหยัดยุติธรรม” ว่า คณะกรรมการฯ ยึดโยงแผนปฏิรูปประเทศตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 258 เป็นหลัก ซึ่งตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดเจนว่าต้องนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้ในการบริหารงานและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน ต้องบูรณาการข้อมูลภาครัฐเข้าด้วยกัน ปรับปรุงโครงสร้างองค์กรภาครัฐ พัฒนาระบบภาครัฐที่ควรกระชับ กะทัดรัด ขณะที่ระบบบริหารงานบุคคลต้องให้ได้คนดีมีความสามารถเข้ามาทำงาน ตลอดจนให้ระบบการจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ 

นางเบญจวรรณ กล่าวว่า คณะกรรมการฯ เห็นว่าแผนปฏิรูปของคณะกรรมการฯแบ่งได้เป็น 6 ประเด็น ได้แก่ 1.เรื่องบริการภาครัฐ ที่ต้องสะดวก รวดเร็ว ตอบโจทย์ชีวิตของประชาชน  2.ระบบข้อมูลภาครัฐต้องบูรณาการกัน ต้องได้มาตรฐาน ทันสมัย ก้าวสู่รัฐบาลดิจิทัล 3.โครงสร้างภาครัฐต้องกะทัดรัด ปรับตัวได้รวดเร็ว มีผลสัมฤทธิ์สูง ให้เห็นความเป็นส่วนราชการพันธุ์ใหม่  4. กำลังคนของภาครัฐต้องพร้อมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ โดยต้องส่งเสริมให้มีความรู้ด้านเทคโนโลยีและต้องมีการทดสอบด้านความรู้ให้เป็นไปตามหลักสากล 


นางเบญจวรรณ กล่าวว่า ส่วนประเด็นการขาดแคลนอัตรากำลังคนนั้น มีข้อเสนอให้โอนย้ายบุคลากรในหน่วยงานที่มีกำลังคนเกินอัตราไปยังหน่วยงานที่ขาดแคลนเพื่อทดแทนอัตรากำลังคนที่ต้องการ  5. ต้องดึงดูดและรักษาคนดีคนเก่งให้ทำงานกับภาครัฐ ซึ่งปัจจุบัน คนรุ่นใหม่มักจะกังวลเรื่องรายได้จากการทำงานเป็นหลัก ซึ่งต้องศึกษาข้อมูลให้สอดคล้องกับขีดความสามารถและปริมาณงานของหน่วยงานด้วย จึงมีแนวคิดว่า หากเฉลี่ยกำลังคนที่ทำงานให้เหมาะสม ก็อาจจะทำให้รายได้ที่ได้รับเพิ่มขึ้นได้ 6.การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ต้องคล่องตัว โปร่งใส มีกลไกป้องกันการทุจริตทุกขั้นตอน โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ปรับปรุงระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และส่งเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับกลไกการติดตามตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างให้โปร่งใส

ด้านนายชาญณรงค์ ปราณีจิตต์ กรรมการและเลขานุการในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านกระบวนการยุติธรรม แถลงความคืบหน้าปฏิรูปประเทศไทย หัวข้อ “สร้างมิติใหม่ภาครัฐ ยืนหยัดยุติธรรม” ว่า เรื่องใหญ่ในวันนี้คือทำอย่างไรให้กระบวนการยุติธรรมเป็นของประชาชน และให้การดำเนินการของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้นและควรกำหนดระยะเวลาในการที่ประชาชนมาขอความช่วยเหลือจากภาครัฐ โดยเตรียมเสนอกฎหมายต่อรัฐบาลเกี่ยวกับการกำหนดระยะเวลาเพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบว่ากระบวนการดำเนินการถึงขั้นตอนใดแล้ว และหากไม่สามารถดำเนินการได้จะมีแนวทางปฏิบัติอย่างไร
นายชาญณรงค์ กล่าวว่า การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมของประชาชน อาทิ การร้องทุกข์ของประชาชน จะต้องสามารถดำเนินการแบบเบ็ดเสร็จทุกเรื่องได้ที่สถานีตำรวจ โดยจะมีการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลกับทุกหน่วยงาน ซึ่งส่วนตัวมองว่า น่าจะดำเนินการได้ในระยะเวลาที่ไม่นานโดยไม่จำเป็นต้องออกเป็นร่างกฎหมาย พร้อมกันนี้ยังหวังว่า ในอนาคตจะมีความพร้อมทางเทคโนโลยีทั้งในส่วนของศาลและผู้ฟ้องร้องที่เข้าถึงอย่างเท่าเทียมกัน และอยากให้ปรับระบบการเยียวยาทางแพ่งมาเป็นศาลประชาชน ที่ใช้วิธีแบบไม่เป็นทางการ
นายชาญณรงค์ กล่าวว่า ส่วนการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ จะต้องพัฒนากลไกการบังคับใช้กฎหมาย อาทิ กระบวนการในการปล่อยตัวชั่วคราวโดยต้องนำระบบประเมินความเสี่ยงมาใช้มาประกอบกันในหลายปัจจัย ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้หลักทรัพย์ประกันตัว แต่ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือระบบที่รัดกุมเพื่อติดตามตัวจะดีกว่า นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอในเรื่องการปฏิรูปอัตราค่าปรับที่จะต้องให้มีความเหมาะสมและเป็นไปตามรายได้ รวมทั้งต้องใช้มาตรการทำงานเพื่อสังคมเข้ามาใช้ในการลงโทษด้วย.-สำนักข่าวไทย
ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ยิงกำนันเล้น

ออกหมายจับ “ไอ้ ด.” มือปืนขาเป๋ ยิงถล่มกำนันเล้น ตร.ไล่ล่ากระชั้นชิด

ตรัง 8 ส.ค. – ออกหมายจับ ไอ้ ด. มือปืนขาเป๋ ยิง M16 ถล่มดับกำนันเล้น จ.ตรัง เผยปมสังหารจากคนเคยช่วยเหลือกลับขัดแย้ง-ขู่ฆ่า ผู้การตรังเผยแกะรอยเบาะแสไล่ล่าเป็นประโยชน์ ติดตามตัวแบบหายใจรดต้นคอ ลั่นต้องจับให้ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ว่า จากกรณีคนร้ายชายในชุดดำสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธสงคราม M16 ยิงถล่มนายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด จนเสียชีวิต กระสุนเจาะประตูรถฝั่งคนขับพรุน 15 นัด ปลอกกระสุนขนาด 5.56 ตกกระจายเกลื่อน เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา บริเวณหน้าบ้านของนายบัณฑิต พื้นที่หมู่ 9 ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นช่วงระหว่างที่นายบัณฑิตเดินทางกลับจากงานเลี้ยงงานแต่งงาน […]

“บุ๋ม ปนัดดา” พร้อมชน “มาลี”

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – ฮือฮาและเป็นที่พูดถึงอย่างมาก สำหรับการแต่งตั้ง “ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” นั่งโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา ด้าน “บุ๋ม” เปิดใจ เป็นคนชัดเจน ตรงไปตรงมา พร้อมชน “มาลี” ลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์.-สำนักข่าวไทย

ชาวบ้าน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กลับบ้านพร้อมหน้า

อุบลราชธานี 8 ส.ค. – ฝนชะล้างความเศร้า ชาวบ้าน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กลับเข้าบ้านเรือนเกือบหมดแล้ว ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้งในรอบกว่า 2 สัปดาห์ นับตั้งแต่เกิดเหตุไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา .-สำนักข่าวไทย

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]