ชัวร์ก่อนแชร์ : น้ำยาบ้วนปากเป่าวัดแอลกอฮอล์ขึ้น จริงหรือ?

กทม. 16 ก.พ.-บนสังคมออนไลน์แชร์เตือนคนที่ขับรถว่านอกจากเหล้า เบียร์ หากใช้น้ำยาบ้วนปาก สเปรย์ดับกลิ่นปาก และยาแก้ไอ ระวังเจอด่านตำรวจจับเป่าแล้วแอลกอฮอล์ขึ้น เรื่องนี้จริงหรือไม่ ติดตามจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์.-สำนักข่าวไทย

บทสรุป : มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์จริง แต่ดื่มน้ำแล้วเป่าใหม่ได้

ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย อสมท สอบถาม ผศ.ดร.อินทาวุธ สรรพวรสถิตย์ ภาควิชาเทคโนโลยีทางอาหาร คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ระบุการพบค่าแอลกอฮอล์ขณะเป่าเมื่อใช้น้ำยาบ้วนปาก สเปรย์ดับกลิ่นปาก และยาแก้ไอเป็นความจริง เนื่องจากหลายยี่ห้อมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ แม้จะกินนมเปรี้ยวก็ช่วยลดค่าแอลกอฮอล์ไม่ได้ เพราะแอลกอฮอล์ถูกดูดซึมไปที่กระแสเลือดแล้ว

ด้าน พ.ต.อ.ชัยกฤต โพธิ์อ๊ะ ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจจราจร ย้ำว่าทั้งน้ำยาบ้วนปาก สเปรย์ดับกลิ่นปาก และยาแก้ไอมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เวลาตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์อาจทำให้มีค่าสูงกว่าปกติจนขึ้นคำว่า Error ได้

ทดลองอมน้ำยาบ้วนปาก, ยาแก้ไอแล้วเป่าวัด – ผลเป็น Error เกิน 400 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นค่าสูงสุดที่เครื่องจะวัดได้

สเปรย์ดับกลิ่นปาก – วัดค่าได้ 99 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

ทั้งนี้เมื่อตรวจพบค่าแอลกอฮอล์สูงผิดปกติ ตำรวจจะให้นั่งพัก+บ้วนน้ำเปล่า 5 นาที เพื่อทดสอบใหม่อีกครั้ง หากไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ แสดงว่าไม่เกินเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด สาเหตุจากแอลกอฮอล์เป็นสารระเหยเร็ว การดื่มน้ำตามเข้าไปจะทำให้ปริมาณเจือจางลง ยกเว้นคนที่ดื่มเบียร์+เหล้ามาจริงๆ แม้ดื่มน้ำตาม ปริมาณแอลกอฮอล์จะไม่หายไปง่ายๆ แต่จะดูดซึมเข้ากระแสเลือด ใช้เวลานานก่อนจะขับออกทางตับ พร้อมย้ำว่าการดื่มนมเปรี้ยวไม่ช่วยเปลี่ยนแปลงค่าปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดได้