ชุมพร 12 ก.พ.-ผกก.สภ.สวี ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุ ตายายถูกวางยาพิษในแท็งก์น้ำดื่มของที่บ้าน ถูกหามส่งโรงพยาบาล พบขวดยาพิษในบ้านผู้ต้องสงสัย
กรณีนางสวรรค์ยา บริคช อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87/3 หมู่ที่ 9 ต.วิสัยใต้ อ.สวี จ.ชุมพร เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.สวี ว่า มีเหตุวางยาพิษในแท็งก์น้ำดื่มที่บ้านของตนเอง ทำให้บิดาคือ นายสุวรรณ บริคช อายุ 76 ปี และมารดาคือ นางธิดา บริคช อายุ 63 ปี ดื่มน้ำที่ต่อท่อประปาจากแท็งก์ดังกล่าว แล้วเกิดอาการปวดแสบปวดร้อนตั้งแต่ปาก ลำคอ ลำไส้ และเริ่มหายใจติดขัด ต้องรีบนำตัวทั้งสองคนส่ง รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ให้แพทย์ล้างท้องช่วยชีวิต และคาดว่ามีคนนำสารเคมีที่ใช้ฆ่าแมลงในสวนปาล์มมาผสมลงในแท็งก์น้ำ ตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ เพื่อติดตามอาการของนายสุวรรณ ซึ่งนอนรักษาตัวอยู่ชั้น 5 และนางธิดา ซึ่งนอนรักษาตัวอยู่ชั้น 4 อาคารอายุรกรรม (ตึกหมอพร) โดยพยาบาลพาเข้าไปพบนางธิดา โดยให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากตนเองและสามีดื่มน้ำที่ต่อจากแท็งก์น้ำหนังบ้านเข้าไปรู้สึกเจ็บคอ ปวดแสบปวดร้อน ปั่นป่วนในช่องท้อง ลูกสาวจึงรีบนำตัวทั้งสองคนส่ง รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ให้แพทย์ล้างท้องเพื่อเอาสารพิษออกจนอาการดีขึ้นแล้ว แต่แพทย์ยังไม่สามารถระบุได้ว่าสารพิษที่พบเป็นสารเคมีอะไร ตนเองไม่อยากสงสัยว่าใครเป็นคนทำ ไม่ขอถือโทษ และพร้อมจะให้อภัย ไม่คิดอาฆาตใครทั้งสิ้น สำหรับสามีนั้นอาการดีขึ้นกว่าตนเอง และสามารถเดินลงจากชั้น 5 มาเยี่ยมทุกวัน
นพ.ฉัตรชัย ศรีนามวงศ์ ผู้อำนวยการ รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ เปิดเผยว่า อาการล่าสุดของนายสุวรรณ และนางธิดา อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยแล้ว คิดว่านอนพักอีก 1-2 วันคงสามารถกลับบ้านได้ ส่วนการตรวจสอบในร่างกายแพทย์ไม่พบสารเคมีในปริมาณมาก ซึ่งอาจเป็นเพราะแท็งก์น้ำมีขนาดใหญ่ จึงทำให้สารเคมีซึ่งมีน้อยที่ตกลงไปเกิดการเจือจางนั่นเอง
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนอกการบันทึกเสียงพอจะได้การถึงสาเหตุว่า ส่วนหนึ่งมาจาก ผู้ที่อยู่บ้านใกล้กันเห็นว่า ที่ดินในบริเวณดังกล่าว ไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆ ชาวบ้านมาจับจองมานานนับสิบปี จึงจ้องฉวยโอกาสจะรุกที่ดินของตนเอง มีพฤติกรรมมาหยิบทรัพย์สินแบบไม่เกรงใจ คล้ายจะทำให้ครอบครัวตนเองหวาดกลัว แล้วหลบไปอยู่ทีอื่น แต่ตนเองไม่เคยแสดงอาการหวาดกลัว จนนำมาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในส่วนของยาพิษ จากประสบการณ์ พอจะทราบว่า เป็นสารพิษที่ใช้ทางการเกษตร เพื่อฆ่าแมลง หรือ ฆ่าหญ้าในสวนยางพารา จะบรรจุในขวดแก้ว มีตรากะโหลกไขว้ แสดงถึงความรุนแรงของสารพิษ แต่ตนเองไม่รู้ยี่ห้อ เนื่องจากมีหลายยี่ห้อที่ขายกันในหมู่บ้าน
ด้าน พ.ต.อ.คำสิงห์ ศรียาภัย ผกก.สภ.สวี พร้อมด้วยกำลังตำรวจเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 89/1 หมู่ที่ 9 ต.วิสัยใต้ อ.สวี จ.ชุมพร กระจายกำลังไปในพื้นที่เกิดเหตุและใกล้เคียง หาหลักฐานและหาข่าวจากผู้ที่พอทราบเบาะแส พบว่าในบ้านหลังที่อยู่ใกล้กัน มีขวดสารเคมีที่ใช้ในสวนทุเรียน มีฤทธิ์เป็นยาฆ่าแมลง เป็นขวดแก้วสีชา แตกหัก จึงได้ตรวจสอบพบว่า ฉลากที่ติดขวดยังมีสภาพใหม่ เป็นยาเคมีที่ชาวสวนทุเรียนชอบใช้ มีขายทั่วไปในร้านขายยากำจัดศัตรูพืช โดยเฉพาะในหมู่บ้านดังกล่าว ซึ่งมีชาวสวนทุเรียนหลายสิบหลังและสวนทุเรียนนับร้อยไร่ จากจุดที่พบ เป็นไปได้ว่าเมื่อผู้ที่ใช้ยาพิษในขวดดังกล่าวเสร็จ จึงขว้างขวดทิ้งลงไปในเหวดังกล่าว อีกทั้งน้ำยาเคมีในขวดเมื่อผสมกับน้ำ จะทำให้น้ำกลายเป็นสีขุ่นขาว คล้ายกับน้ำในแท้งค์ที่ถูกใส่ยาพิษ จึงใช้อุปกรณ์ครอบชิ้นส่วนของขวดแก้วดังกล่าว เพื่อให้หน่วยพิสูจน์หลักฐาน มาเก็บรายละเอียด ทั้งรอยนิ้วมือและสารพิษในขวดที่ยังมีคราบ ว่าตรงกับน้ำในแท้งค์หรือไม่
ในส่วนของตำรวจนอกเครื่องแบบได้ให้เข้าไปฝังตัวในหมู่บ้าน เพื่อหาข่าวอย่างละเอียด ตำรวจจะทำงานอย่างละเอียดถึงสาเหตุการวางยาพิษในน้ำดื่ม ทั้งคนที่มีบ้านใกล้ และคนที่ใกล้ชิดตายายคู่นี้ด้วย หลังจากรวบรวมหลักฐานต่างๆ แล้ว ก็จะเสนอศาลออกหมายจับต่อไป คดีนี้ไม่หนักใจ คาดว่าน่าจะได้ตัวคนร้ายอย่างแน่นอน ส่วนสาเหตุตำรวจตั้งไว้หลายประเด็น แต่ขอปิดไว้ก่อนเพื่อผลของคดี อาจจะเป็นคนใกล้ชิดมากกว่าเพื่อนบ้านก็เป็นไปได้.-สำนักข่าวไทย