นนทบุรี 9 ก.พ. – รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์แนะเกษตรกรอย่ามองเพียงแค่ราคาข้าวดีแล้วเร่งปลูกทั้งนาปรังและนาปีจนข้าวล้นตลาด เชื่อราคาดีมาจากปริมาณข้าวมีน้อย แต่โดยรวมข้าวไทยยังมีความต้องการดีอยู่ พร้อมดูแลส่งเสริมข้าวชนิด กข 43
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยอมรับว่าข้าวไทยช่วงนี้ราคาดีเกือบทุกประเภท โดยเฉพาะข้าวขาวและข้าวหอมมะลิ ทำให้ราคาเฉลี่ยโดยรวมเกินกว่า 10,000-20,000 บาทต่อตัน เกรงว่าจะทำให้เกษตรกรเร่งปลูกข้าวทั้งช่วงข้าวเปลือกนาปรังและนาปีจำนวนมากอาจทำให้ปริมาณข้าวในระบบล้นตลาด ซึ่งข้าวที่มีราคาดีขณะนี้มาจากปริมาณข้าวในตลาดมีน้อย แต่ความต้องการข้าวมีสูง ดังนั้น จึงอยากให้เกษตรกรฟังการชี้แนะจากหน่วยงานที่กำกับดูแลเป็นหลัก อย่าปลูกข้าวเกินความต้องการและปีนี้จะต้องติดตามจากสภาพอากาสที่แปรปวนฝนตกไม่เป็นฤดูกาลอาจทำให้ข้าวที่ออกมาไม่ดี หากเร่งปลูกข้าวในปริมาณที่มากจะส่งผลในเรื่องของราคาในตลาดได้
อย่างไรก็ตาม ทั้งกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีการติดตามดูแลข้าวทั้งระบบอย่างใกล้ชิด ดังนั้น คงต้องขอความร่วมมือจากเกษตรกรทั่วประเทศอย่าเร่งปลูกข้าวเกินความต้องการ แต่เท่าที่ได้ติดตามราคาข้าวไทยปีนี้จะไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา และเชื่อว่าจากปริมาณข้าวค้างสตอกที่เหลืออยู่กว่า 2 ล้านตันจะไม่ส่งผลหรือกดราคาข้าวฤดูกาลใหม่ปีนี้ลดลง เนื่องจากเป็นข้าวคนละประเภท ซึ่งข้าว 2 ล้านตันจะเน้นเฉพาะประมูลใช้ในภาคอุตสาหกรรมเพียงอย่างเดียวไม่เกี่ยวข้องกับข้าวเพื่อการบริโภค จึงเชื่อว่าเมื่อมีการอนุมัติให้ระบายข้าวอีก 2-3 เดือนนี้จะไม่ส่งผลกดราคาข้าวภายในประเทศให้ลดลงอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ รัฐบาลได้ส่งเสริมการผลิตพันธุ์ข้าวใหม่ เพื่อให้ตรงตามความต้องการของตลาดและช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าให้กับเกษตรกร โดยล่าสุดพันธุ์ข้าว กข 43 ผ่านการวิจัยและสามารถทดลองปลูก เพื่อการจำหน่ายและการบริโภคได้แล้ว ข้าวพันธุ์ดังกล่าวมีลักษณะใกล้เคียงกับข้าวขาว แต่มีความนุ่มและมีคุณสมบัติให้น้ำตาลต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักและผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคไต จึงถือเป็นข้าวคุณภาพและมีราคาสูงกว่าข้าวขาวปกติ
ทั้งนี้ กรมการข้าวได้ออกเครื่องหมายรับรองข้าวพันธุ์แท้ให้เป็นสัญลักษณ์ เพื่อเป็นหลักประกันผู้บริโภค โดยขณะนี้ต้องการให้ผู้ที่สนใจนำข้าว กข 43 ไปจำหน่ายให้ยื่นเสนอมายังกรมการค้าต่างประเทศ เพื่อให้ได้ทราบปริมาณความต้องการที่ชัดเจนก่อนจะมีการขยายพื้นที่การผลิต ซึ่งข้าวพันธุ์ดังกล่าวสามารถปลูกนาภาคกลางเท่านั้น ล่าสุดมีพื้นที่การเพาะปลูกและมีผลผลิต 3,000 ไร่ 600 ตัน และพร้อมที่จะขยายพื้นที่ได้สูงสุดถึง 300,000ไร่ หากมีความต้องการเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เครื่องหมายรับรองพันธุ์ข้าวที่กรมการข้าวออกให้นั้น หากผู้ใดลอกเลียนแบบจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากมีการปลอมเครื่องหมายจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 400,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับและวันที่ 19 กุมภาพันธ์นี้กระทรวงพาณิชย์จะเชิญกลุ่มสหกรณ์ ตัวแทนที่ต้องการจำหน่ายมาหารือ เพื่อทำความเข้าใจร่วมกันอีกครั้ง ซึ่งข้าวพันธุ์ดังกล่าวถือเป็นอนาคตของข้าวไทยที่จะสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตของเกษตรกรได้.-สำนักข่าวไทย