จันทบุรี 6 ก.พ. – รัฐบาลเดินหน้าพัฒนาแหล่งน้ำรองรับ EEC การอุปโภค และการเกษตร สั่งกรมชลฯ สร้างเพิ่ม 3 อ่างเก็บน้ำ มั่นใจมีปริมาณน้ำเพียงพอในอีก 20 ปีข้างหน้า
นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ อธิบดีกรมชลประธาน เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่จังหวัดจันทบุรี ดำเนินการผ่าน 3 มาตรการ 1.มอบหมายให้กรมชลประทานก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแห่งใหม่เพิ่ม 3 แห่ง เช่น คลองหางแมว คลองตโนด ความจุรวม 300 ล้านลูกบาศก์เมตร 2.การปรับเพิ่มความจุอ่างเก็บน้ำ 7 แห่ง ทั้งการเพิ่มความสูงคันกั้นน้ำ การสร้างระบบจัดเก็บเพิ่มในอ่างเดิม เช่น คลองปลาไหล คลองบ้านบึง จัดเก็บเพิ่มได้ 75 ล้านลูกบาศก์เมตร 3.การปรับระบบผันน้ำจากท้ายอ่าง ท้ายเขื่อนขึ้นมายังอ่างบางช่วงฤดู เพิ่มความจุได้ 75 ล้านลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ เพื่อรองรับการบริโภคของประชาชนในพื้นที่และการเพาะปลูก หลังจากรัฐบาลมีแผนพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากความต้องการใช้น้ำของภาคอุตสาหกรรมในเขต EEC ในช่วง 10 ปีข้างหน้าจะเพิ่มขึ้นจาก 427 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มเป็น 800 ล้านลูกบาศก์เมตร และเพิ่มเป็น 1,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ในช่วง 20 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ ยังต้องการพิจารณาการก่อสร้างถนนให้สอดคล้องกับการสร้างอ่างเก็บน้ำ เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมในอนาคต หากมีการก่อสร้างถนนขวางทางน้ำ
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การสร้างระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกจะมีแรงงานเพิ่มขึ้น 100,000 คนต่อปี จึงต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้น รัฐบาลไม่ต้องการให้แย่งกันระหว่างภาคอุตสาหกรรมและชุมชน การใช้น้ำในภาคเกษตรได้รับผลกระทบ เมื่อรวมทั้งด้านการสร้างอ่างเก็บน้ำเพิ่ม 300 ล้านลูกบาศก์เมตร การผันน้ำ การสูบน้ำย้อนกลับจากท้ายเขื่อน การเพิ่มความจุน้ำ ทำให้มีปริมาณเพิ่มขึ้น 8,000 ล้านลูกบาศก์เมตร การพัฒนาเขต EEC จึงไม่มีปัญหาต่อชาวบ้านในพื้นที่.-สำนักข่าวไทย