กรุงเทพฯ 7 ก.พ.-พีทีทีจีซี เดินหน้า ลงทุนตามแผนทั้งปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐ คาดจะเริ่มลงทุนกลางปี 2562 และโครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ เริ่มลงทุนกลางปี 2561
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผุ้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีทีโกลบอลจำหัด (มหาชน ) หรือพีทีทีจีซีและประธานกรรมการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC เปิดเผยว่า ในวันนี้ บริษัทในเครือ 2 แห่งได้ลงนามข้อตกลงในการเดินหน้าโครงการทั้งโครงการลงใน ปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐ และ การลงทุนก่อสร้างนครสวรรค์ Biocomplex ทำให้โครงการต่างๆเดินหน้าตามแผนงานที่ประกาศไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการในสหรัฐทางทางพีทีทีจีซีได้ลงนามร่วมกับ บริษัท Daelim Industrial Co., Ltd. (DAELIM) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ รวมถึงการออกแบบทางวิศวกรรม และการจัดหาแหล่งเงินทุนของโครงการฯ เพื่อผลิตและจำหน่ายเอทิลีนและผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง ในรัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งขยายกำลังผลิตจากเป้าหมายเดิม 1 ล้านตัน/ปี เป็น 1.5 ล้านตัน/ปี คาดจะศึกษาเสร็จปายปีนี้และเริ่มก่อสร้างกลางปี 2562 คาดเงินลงทุนจะเพิ่มจากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเป็น 9 พันล้านดอลลาร์
สำหรับการลงทุนก่อสร้างนครสวรรค์ Biocomplex เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) ในพื้นที่นำร่อง จังหวัดนครสวรรค์ นั้น นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ หัวหน้าทีมภาคเอกชน คณะทำงานคลัสเตอร์ ภาคอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (New S-Curve) เป็นสักขีพยานใน พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ร่วมทุนโดย GGC ในเครือพีทีทีจีซี และบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTISลงทุน ฝ่ายละครึ่ง ในพื้นที่Biocomplex กว่า 2,000 ไร่ ในอำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ โดยโครงการออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่หนึ่งเป็นโครงการลงทุนพัฒนาอุตสาหกรรมเคมีชีวภาพครบวงจร ประกอบด้วยโรงงานผลิตเอทานอล ไฟฟ้าชีวมวล ระบบสาธารณูปโภค และระบบส่งเสริมกระบวนการผลิตกลางของโครงสร้างพื้นฐานรองรับโครงการระยะที่สอง มูลค่าโครงการราว 7,650 ล้านบาท ส่วนโครงการระยะที่สองประกอบด้วย โรงงานเคมีและพลาสติกชีวภาพ โรงงานอาหารเสริม มูลค่าการลงทุนจากการประเมินราว 10,000-30,000 ล้านบาท(ภายใน5 ปี ) คาดสร้างมูลค่าเพิ่มจากอ้อยจะเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัว เกิดการพัฒนาและส่งเสริมความรู้สมัยใหม่ด้านเกษตรกรรมในพื้นที่กว่า 100,000 ไร่ในระยะเริ่มต้น รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้นเป็น 60,000 – 75,000 บาท/ต่อคน/ปี (ประมาณ 300,000 บาท/ ครัวเรือน/ปี) จากอัตราการจ้างงานเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 10,000 ครัวเรือน
นายจิรวัฒน์ นุริตานนท์ กรรมการผู้จัดการ GGC พลาสติกชีวภาพกว่า กล่าวว่า โครงการระยะที่ 1 จะมีการลงทุนสร้างโรงหีบอ้อยเป็นน้ำอ้อย 2.4 ล้านตัน/ปี โดยจะเป็นวัตถุดิบสำหรับโรงงานเอทานอล 2 แสนตัน/ปี โรงไฟฟ้าชีวมวล 85 เมกะวัตต์ และสาธารณูปโภคอื่นๆ โดยจะมีการกู้เงินจากสถาบันการเงินเพื่อลงทุนเป็นสัดส่วนเงินกู้ต่อเงินทุน ในสัดส่วน2 ต่อ 1 คาดจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 3 ปี 2561 โดยโครงการระยะที่ 1 นับเป็นการเตรียมพร้อมเป็นวัตถุดิบสำหรับโครงการระยะที่ 2 ซึ่งจะต้องมีการหาพันธมิตรเจ้าของเทคโนโลยี ในการร่วมทุนในอนาคต สำหรับผลประกอบการ GGC ในปี 2561 คาดจะสูงกว่าปี 2560 ที่ประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท เนื่องจากปีนี้คาดว่าประเทศไทยจะมีการใช้น้ำมันดีเซลสูตรบี 7 ตลอดทั้งปีและทดลองใช้บี 10 บางส่วน และรายได้ส่วนหนึ่งมาจากการเพิ่มกำลังผลิตโรงงานไบโอดีเซล โรงที่ 2 กำลังผลิต 2 แสนตัน/ปี ที่เริ่มผลิตกลางปีนี้ โดยจะเน้นส่งออกไปตลาดจีนและไต้หวันเป็นหลัก -สำนักข่าวไทย