กรุงเทพฯ
31 ม.ค.-สนพ.แจงดูแลราคาก๊าซหุงต้ม ระบุราคาขายปลีกไม่ลดลงตามตลาดโลก ก็เพื่อบริหารเงินกองทุนน้ำมันฯบัญชีแอลพีจี
ไว้ช่วยเหลือผู้บริโภคช่วงราคาขยับขึ้นปลายปี ด้านผู้ค้าสับสน สัปดาห์นี้ขึ้นลงติดต่อกัน2
วัน สรุปขึ้น 37 สตางค์/กก.เมื่อเปรียบเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในสัปดาห์นี้
มีการแจ้งปรับเปลี่ยนราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) 2 วันติดต่อกันจาก ปกติ
เปลี่ยนแปลงสัปดาห์ละครั้งสะท้อนราคาต้นทุนที่ประกาศราคาแนะนำโดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.)ทุกวันจันทร์
และผู้ค้าจะประกาศราคาขายทุกวันอังคาร อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก สัปดาห์นี้
คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีการประชุมเมื่อวันอังคาร ( 30 ม.ค.)
และแจ้งการเปลี่ยนแปลงการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง บัญชีแอลพีจี โดยลดอัตราเงินอุดหนุนจากกองทุนน้ำมัน
จาก 6.3525 บาทต่อกิโลกรัม ลงมาอยู่ที่ 4.7880 บาทต่อกิโลกรัม มีผล 31ม.ค. จึงส่งผลให้ราคาเปลี่ยนแปลง 2 วันติดต่อก่อน โดย สนพ.ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจี
โดยราคาสัปดาห์นี้เมื่อเปรียบเทีบบกับสัปดาห์ที่แล้วยังมีราคาคงเดิม 19.82
บาทต่อกิโลกรัม
อย่างไรก็ตาม
ราคาที่แท้จริงในท้องตลาด การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ส่งผลให้ราคาขยับขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา
ประมาณ 37 สตางค์/ กก. เช่น กรณี ของ บมจ. มีการแจ้งผู้ค้าแอลพีจร โดยวันที่ 30
ม.ค.ราคา LPG ภาคครัวเรือนและภาคขนส่ง ปรับลดลง 1.3066 บาท/กก. (รวม VAT)
และหลัง กบง.มีมติ ปตท.แจ้งลูกค้า ให้โรงบรรจุ ร้านค้า
สถานีบริการ ปรับเพิ่มขึ้น 1.6740 บาท/กก.
(รวม VAT) มีผลตั้งแต่ วันที่ 31 ม.ค. 61
เวลา 00:01 น..
นายทวารัฐ
สูตะบุตร ผอ.สนพ.กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2560 เป็นต้นมา ทางกระทรวงพลังงาน
ได้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณราคาก๊าซแอลพีจีจากราคา CP ที่ประกาศโดยประเทศซาอุดิอาระเบีย
เป็นราคาตลาดในภูมิภาคอาเซียน (Cargo) ส่งผลให้ราคาก๊าซแอลพีจีในประเทศมีราคาลดลงสะท้อนต้นทุนตลาดที่แท้จริง
โดยในปัจจุบันราคาก๊าซแอลพีจีในตลาดอาเซียนอยู่ที่ 505 เหรียญสหรัฐต่อตัน
ขณะที่ราคา CP ในเดือนมกราคม
2561 อยู่ที่ 580 เหรียญสหรัฐต่อตัน
และขณะเดียวกันอัตราค่าเงินบาทได้แข็งค่าขึ้นจาก 33.35 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2560 เป็น 31.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ในเดือนมกราคม 2561
ส่งผลให้ราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจีลดลงในช่วงเวลาดังกล่าว จาก 21.15 บาทต่อกิโลกรัม
เหลือเพียง 19.82 บาทต่อกิโลกรัม
อย่างไรก็ดี
ในช่วงที่ผ่านมากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้มีการใช้เงินกองทุนช่วยอุดหนุนราคาก๊าซแอลพีจี
ประมาณ 1,300 ล้านบาทต่อเดือน ดังนั้น
จึงมีความจำเป็นที่จะต้องรักษาระดับเงินกองทุนน้ำมันฯ
ให้สามารถรองรับกับความผันผวนของราคาก๊าซแอลพีจีในตลาดโลกที่อาจจะปรับเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี
2561 ซึ่งการลดเงินอุดหนุนลงก็ทำให้กองทุนฯมีภาระน้อยลงยังมีวงเงินเหลือประมาณ
กว่า 3 พันล้านบาท
“ช่วงที่ผ่านมาเป็นช่วงหน้าหนาว
ราคาแอลพีจีโลกขยับขึ้น กบง.จึงต้องใช้เงินอุดหนุนราคาในวงเงินที่สูง
เพื่อลดภาระไม่ให้ราคาประชาชนปรับขึ้นมากเกินไป แต่เมื่อราคาโลกลดลง
ก็ต้องมีการเก็บเงินเข้ากองทุนฯให้มีเงินไว้เพียงพอ
หากราคาในช่วงหน้านาวขยับขึ้นอีก
วิธีการนี้เป็นการบริหารเพื่อช่วยเหลือให้ประชาชนได้รับผลกระทบมากเกินไป
ส่วนการทดลองปรับราคทุกสัปดาห์ก็ยอมรับว่ามีปัญหา ในส่วนครัวเรือน
แต่จะเปลี่ยนแปลงหรือไม่จะรอดูให้ครบ 3 เดือนก่อน “นายทวารัฐกล่าว –สำนักข่าวไทย