กรุงเทพฯ 27 ม.ค.- เจ้าหน้าที่บุกค้นสถานบริการ “โคปาคาบาน่า” ซ้ำ คาดยังมีการลอบใช้น้ำบาดาล หลังค่าตัวอย่างน้ำยังสูงกว่ามาตรฐานน้ำประปา นอกจากนี้ยังลักลอบขุดบ่อบาดาล 2 บ่อในพื้นที่
ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) สนธิกำลังตำรวจกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำหมายศาลอาญารัชดาเข้าตรวจค้นสถานบริการโคปาคาบาน่า อาบอบนวด ซอยรัชดาภิเษก 17 ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานบริการที่พบชื่อนางสาวศศิธร วิระเทพสุภรณ์ ผู้ต้องหาในฐานร่วมกันค้ามนุษย์ และอื่นๆรวม 13 ข้อหา เป็นหุ้นส่วน เพื่อเก็บตัวอย่างน้ำที่ใช้ในสถานบริการ และหาหลักฐานเกี่ยวกับความผิดใน 5 กฏหมายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ พ.ร.บ.อาคาร พ.ร.บ.น้ำบาดาล พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม พ.ร.บ.สาธารณสุข และ พ.ร.บ.สถานบริการ
พันตำรวจเอกสุวัฒน์ อินทสิทธิ์ รองผู้บังคับการตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า วันนี้เจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาล จะตรวจสอบน้ำที่ใช้ภายในสถานบริการแห่งนี้ซ้ำอีกครั้ง หลังจากเมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมาเคยเข้ามาตรวจสอบแล้ว พบว่าค่าเหนี่ยวนำไฟฟ้าในน้ำ สูงกว่า 400 ไมโครซีเมนส์ต่อเซนติเมตร ซึ่งน่าเชื่อว่า มีการใช้น้ำชนิดอื่นที่ไม่ใช่น้ำประปา นอกจากนี้จะตรวจสอบว่ามีการต่อเติม หรือดัดแปลงอาคารผิดจากที่เคยขออนุญาตไว้หรือไม่
นายประโยชน์ ด่านก่อโพธิ์ ผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์น้ำบาดาล เปิดเผยว่า สำหรับค่านำไฟฟ้าในน้ำประปาวันนี้อยู่ที่ 388 ไมโครซีเมนต์ต่อเซนติเมตร ส่วนน้ำประปาในละแวกใกล้เคียงมีค่านำไฟฟ้าอยู่ที่ 365 ไมโครซีเมนต์ต่อเซนติเมตร แต่จากการตรวจสอบน้ำ 11 จุดภายในสถานบริการดังกล่าว พบว่ามีค่าเหนี่ยวนำไฟฟ้าสูงกว่า 400 ไมโครซีเมนต์ต่อเซนติเมตร โดยเฉพาะบริเวณก็อกน้ำชั้นดาดฟ้า มีค่าเหนี่ยวนำไฟฟ้าสูงถึง 568 ไมโครซีเมนต์ต่อเซนติเมตร ซึ่งเข้าข่ายต้องสงสัยว่ามีการนำน้ำบาดาลมาใช้ หลังจากนี้จะตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง และยังพบมีการขุดบ่อบาดาล 2 จุด ภายในพื้นที่ ซึ่งจะดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติน้ำบาดาล ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจจะขอศาลสั่งยุติการใช้บ่อบาดาล
สำหรับโคปาคาบาน่า เป็นสถานบริการแห่งที่ 5 ที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นเพื่อตรวจสอบการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติสิ่งแวดล้อม พระราชบัญญัติอาคาร พระราชบัญญัติสาธารณสุข พระราชบัญญัติน้ำบาดาล และ พระราชบัญญัติสถานบริการ.-สำนักข่าวไทย