ธ.ออมสิน 25 ม.ค. – รองนายกรัฐมนตรีมอบนโยบายธนาคารออมสินช่วยดูแลประชาชน 4 กลุ่มหลัก ลดสัดส่วนความยากจน ตั้งเป้า 1 ล้านคนภายในปี 63
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มอบนโยบายให้กับผู้บริหารธนาคารออมสิน เพราะเป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐบาล จึงต้องการให้ธนาคารออมสิน ดูแล 4 กลุ่มหลักประกอบด้วย 1.กลุ่มเศรษฐกิจฐานราก ดูแลพ่อค้า แม่ค้า ท่องเที่ยวชุมชน 2.กลุ่มชนชั้นกลาง เพื่อพัฒนาตนเองให้ขยับฐานะสูงขึ้น 3.กลุ่มผู้สูงอายุ เพื่อลดภาระการดูแลจากสังคมให้มีที่อยู่อาศัยมีกิจกรรมทางสังคม 4.กลุ่มผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ สร้างเครือข่ายให้นักศึกษา คนรุ่นใหม่ ก้าวเป็นผู้ประกอบการ ยอมรับว่าการปล่อยสินเชื่อให้รายย่อยของออมสินมียอดหนี้เสียน้อยมากเพียงร้อยละ 2.05 หากไม่จำเป็นรายย่อยส่วนใหญ่จะไม่เป็น หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ดังนั้น จึงต้องมีเครื่องมือติดตามดูแลให้ความรู้เพิ่มเติม
นายสมคิด กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายช่วยเหลือประชาชน ทั้งแกนตั้ง Y และแนวนอน X เพื่อดูแลรายย่อย ให้ความรู้ทั้งด้านการตลาด พัฒนาสินค้า พัฒนาสาธารณสุข การใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อค้าขายออนไลน์ สำหรับส่วนกลางแกน Y สำนักงานใหญ่ต้องส่องกล้องจากด้านบนผ่านความร่วมมือหลายหน่วยงานรัฐจัดทำนโยบายสร้างความเข้าใจผู้จัดการสาขาส่งทีมลงพื้นที่ จึงต้องการให้เน้นช่วยเหลือรายย่อย พัฒนาอาชีพ นำมาเข้าโครงการช่วยเหลือรายย่อยเฟส 2 และต้องการให้นำสถาบันการศึกษามาพัฒนาผู้ประกอบการ จากนั้นนำมาพิจารณาสินเชื่อ
นายสมคิด ย้ำว่า ธนาคารต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยี เพราะแนวโน้มการใช้บริการต้องผ่านการใช้แอพพลิเคชั่นควรนำข้อมูลพฤติกรรมลูกค้าทุกด้านถูกบันทึกไว้จากฐานข้อมูลทุกสื่อทั้งมือถือ ไลน์ เฟสบุ๊ค พิจารณาให้บริการผ่านฟินเทคของแบงก์ จึงต้องเร่งปรับตัว เพราะแบงก์หลายแห่งเริ่มลดจำนวนการรับพนักงานใหม่หันมาพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงิน นำพฤติกรรมผู้บริโภค มาวิเคราะห์ทางการตลาดเพื่อให้บริการรายย่อย และรัฐบาลต้องการทุกหน่วยงานผลิตบุคลากรให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยเฉพาะอุตสาหกรรมกลุ่มเป้าหมายไทยแลนด์ 4.0 หากเรียนไม่ตรงอาจตกงานได้ จึงเตรียมหารือกับสภามหาวิทยาลัย เพื่อจัดทำหลักสูตรการสอนให้ตรงกับการพัฒนาของภาคเอกชน
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ภารกิจหลักของธนาคารออมสินต้องดูแลความเป็นอยู่ของรายย่อยให้ดีขึ้น ทั้งกลุ่มคนระดับกลาง ผู้ประกอบการตาร์ทอัพ ผู้สูงอายุ และผู้ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อให้พ้นจากความยากจนและมีรายได้ดีขึ้น ต้องการมุ่งพัฒนาครอบคลุมผู้ลงทะเบียนทั้ง 11.4 ล้านคน แต่เน้นกลุ่มไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี ภาคเกษตรจะให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดูแล ส่วนภาคที่ไม่ใช่เกษตรมอบหมายให้ธนาคารออมสินดูแล เพื่อส่ง AO หรือหมอประชารัฐสุขใจเข้าสัมภาษณ์สอบถามความต้องการฝึกอาชีพเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพื่อให้ความรู้กับรายย่อย โดยต้องให้ความสำคัญอันดับแรก และบรรจุไว้เป็น KPI ของธนาคาร เพราะรัฐบาลต้องการลดสัดส่วนความยากจนให้ได้ร้อยละ 25 จากยอดผู้ลงทะเบียน 11.4 ล้านคน
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รายงานที่ประชุม ว่า ภารกิจปี 2561 ธนาคารออมสินต้องมุ่งเน้นดูแลเศรษฐกิจฐานราก หนี้นอกระบบ ผู้สูงอายุ รายย่อยลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ เพื่อสนองนโยบายรัฐขจัดความยากจนให้ได้ในปี 2563 จำนวน 1 ล้านคน จึงเตรียมเข้าช่วยเหลือรายย่อยทุกกลุ่ม ทั้งสินเชื่อฉุกเฉิน สินเชื่อแฟรไชส์ สินเชื่อโฮมเสตย์ สินเชื่อสตรีทฟู้ด ปล่อยกู้วงเงิน 50,000 บาทต่อราย งดคิดดอกเบี้ยในปีแรก จากนั้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.75 ต่อเดือน เตรียมวงเงิน 15,000 ล้านบาท กลุ่มเป้าหมาย 300,000 ราย และพร้อมขยายศูนย์สินเชื่อปีนี้เพิ่มอีก 82 ศูนย์ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อปล่อยกู้เอสเอ็มอีมากขึ้น และยังส่งเสริมการออมผ่านเงินฝากเผื่อเรียกสวัสดิการให้ดอกเบี้ยสูงร้อยละ 3 ต่อปี คาดว่ามียอดฝากเงิน 6,000 ล้านบาท จึงเตรียมเจ้าหน้าที่ออมสิน 1,500 คน และจ้างนักศึกษาเพิ่มอีก 500 คน ลงพื้นที่แนะนำ พัฒนาผู้ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ.-สำนักข่าวไทย