fbpx

สรุปคดีขับรถไล่ยิงสนั่นเมืองหาดใหญ่

สงขลา 24 ม.ค.- ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 สรุปคดีไล่ยิงสนั่นเมืองหาดใหญ่ รวบหัวหน้าทีมและลูกน้องได้เกือบยกแก๊งและอาจจะออกหมายจับเพิ่มพร้อมตรวจสอบประวัติย้อนหลังว่าเคยก่อคดีอื่นๆอีกหรือไม่  


ความคืบหน้าเหตุแก๊งอันธพาล 2 แก๊งใหญ่ในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ขับรถเก๋ง 3 คัน ไล่ยิงถล่มกันสนั่นเมืองหาดใหญ่เกือบ 20 นัด เมื่อคืนวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา แต่โชคดีที่ไม่มีใครถูกลูกหลงบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่มีรถชาวบ้านถูกยิงเสียหาย 4 คัน 


ล่าสุดในวันนี้(24ม.ค.)ที่สถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค9 ได้แถลงข่าวสรุปความคืบหน้าของคดี โดยหลังจากที่เจ้าหน้าที่ใช้เวลาเพียง 2 วันสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้แล้วทั้งสองแก๊งจำนวน 5 คน แต่ไม่ได้มีการนำผู้ต้องหามาแถลงข่าว ทั้ง 5 คนประกอบด้วย แก๊งอ้วน เซียงตึ้ง 3 คน มีนายสุเชษฐ์  สุวรรณวงศ์ หรือ อ้วน เซียงตึ้ง อายุ 32 ปี หัวหน้าแก๊ง นายธนภณ ไชยสาร 35 ปี และนายเอกรัฐ นพรัตน์ หรือท๊อป อายุ 24 ปี ส่วนแก๊งสัก ผาสุก มี 3 คน คือ นายเกรียงศักดิ์ ถิระไชย อายุ 35 ปี หรือสัก ผาสุก หัวหน้าแก๊ง และนายรัชพล รัตน์ชัย อายุ 21 ปี  

นอกจากนี้ ยังมีของกลางสำคัญที่ยึดได้ ประกอบด้วยอาวุธปืน 9 มม. 2 กระบอกพร้อมกระสุน 18 นัด เสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ ภาพจากกล้องวงจรปิด รวมทั้งรถเก๋ง 3 คัน เป็นของแก๊งอ้วน เซียงตึ้ง 2 คัน แก๊งสัก ผาสุก 1 คัน 


ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค9 เปิดเผยว่า สอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 5 คน มีทั้งรับสารภาพและปฏิเสธและบางคนสารภาพเกินความจริง ซึ่งคดีเจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานชัดเจนและอาจจะมีการออกหมายจับเพิ่มเติม เพราะในคืนเกิดเหตุมีผู้ที่นั่งอยู่ในรถมากกว่านี้ และคดีนี้ทางพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว   

เบื้องต้นได้แจ้งดำเนินคดีใน 3 ข้อหา พยายามฆ่า มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และบางคนอาจจะถูกแจ้งข้อหาแจ้งความเท็จเพราะพบพิรุธจากคำให้การที่เข้าข่ายรับผิดแทน ส่วนสาเหตุของความขัดแย้ง เพราะผิดใจกันเรื่องผู้หญิงและเคยท้ายิงกันทางเฟซบุ๊ก

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ยังเปิดเผยอีกว่า นอกจากคดีไล่ยิงกันแล้ว จะตรวจสอบประวัติย้อนหลังว่าเคยก่อคดีหรือเกี่ยวข้องกับคดีอื่นๆอีกหรือไม่ โดยเฉพาะยาเสพติด รวมทั้งอาวุธปืนที่ยึดได้ ก็จะตรวจสอบว่าเคยถูกนำไปใช้ก่อเหตุในคดีใดบ้าง ซึ่งการจับกุมหัวหน้าแก๊งทั้งสองแก๊ง รวมทั้งลูกน้อง ถือเป็นการปิดฉากแก๊งอันธพาลในเมืองหาดใหญ่ซึ่งเจ้าหน้าที่จะไม่ให้เกิดขึ้นอีก.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย