ปราจีนบุรี 7 ม.ค. – วันแรกของการจัดระเบียบรับยาหมอแสงใหม่ มีผู้ป่วยจากทุกสารทิศเดินทางมาเป็นจำนวนมาก และคนไข้คนสุดท้ายรับยารักษาโรคมะเร็งไปเมื่อเวลา 05.00 น.ที่ผ่านมา ขณะที่ยอดผู้มารับยามีทั้งหมด 16,000 คน
วันแรกที่เปลี่ยนแปลงระเบียบการรับยาของหมอแสงหรือนายแสงชัย แหเลิศตระกูล ใหม่ ที่เดิมจะเริ่มจ่ายยาตั้งแต่ 22.00 น. เปลี่ยนมาเป็น 18.00 น. เร็วกว่าปกติ 4 ชั่วโมง โดยให้ผู้ป่วยที่มาเองรับเป็นคิวแรก ต่อจากนั้นจะเป็นญาติผู้ป่วยเก่ามารับแทน คิวที่ 3 จะเป็นผู้ป่วยใหม่ และสุดท้ายจะเป็นญาติของผู้ป่วยใหม่ ซึ่งการจัดคิวดังกล่าวทำให้การจ่ายยาลื่นไหลรวดเร็ว ชุดแรกผู้ป่วยมารับเองเสร็จสิ้นเมื่อช่วงใกล้เวลา 20.00 น. จากการจัดระเบียบวิธีการใหม่ทำให้การแจกจ่ายยาในวันแรก สามารถจ่ายยาให้กับผู้ป่วยครบทุกคนทุกประเภทก่อนสว่าง ผู้ป่วยและญาติสามารถเดินทางกลับบ้านได้ทันที ไม่ต้องรอจนสายหรือใกล้เที่ยง ซึ่งอากาศร้อนส่งผลกระทบต่อผู้ป่วย ที่เดินทางมาขอรับยาเอง
โดยประชาชนทั้งที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งและญาติได้มาลงบันทึกประจำวันตามกติกาที่หมอแสง กำหนดไว้ที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี จนเป็นแถวยาวไปถึงหน้ากองบังคับการตำรวจภูธรปราจีนบุรี รถยนต์จอดกันเต็มพื้นที่ บางส่วนทะลักออกมาด้านนอก ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย หลังจากนั้นจึงมารับบัตรคิวรับยา ที่หน้าบ้านหมอแสง ซึ่งตัวเลขที่มาลงบันทึกประจำวันอยู่ สภ.เมืองปราจีนบุรี การจ่ายยาที่บ่านหมอแสงในช่วงแรก ผู้ป่วยใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ก็สามารถจ่ายได้ครบ และเริ่มจ่ายให้กับผู้มารับแทนต่อทันที ขณะที่ญาติและผู้ป่วยใหม่ต่างยืนรอคิวแถวตอน 5 แถว ยาวราวหนึ่งกิโลเมตร โดยไม่ย่อท้อ แม้ว่าจะต้องทนรอนานนับชั่วโมงแต่ทุกคนก็ยินดีรอ เพราะรับประทานแล้วอาการดีขึ้น ขณะที่การจราจรรอบๆ พื้นที่ติดขัดอย่างหนักจนแทบขยับตัวไม่ได้
ซึ่งก่อนหน้านี้ หมอแสง หรือนายแสงชัย แหเลิศตระกูล เคยเปิดเผยกับทีมข่าวสำนักข่าวไทยว่า ผู้ป่วยที่มารับยาจะได้ทุกคนแน่นอน ส่วนการดำเนินการของกรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือกเข้ามาตรวจสอบประสิทธิภาพยาสมุนไพร และเก็บข้อมูลของผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งผลจะออกมาในช่วงมีนาคม มองว่า ไม่ว่าผลจะออกมาเช่นไร ก็อาจจะเลิกแจกยาสมุนไพร และมีแนวคิดร่วมผลิตยากับต่างประเทศที่ติดต่อเข้ามาแทน
สำหรับยาสมุนไพรของนายแสงชัย มีส่วนประกอบสำคัญเช่น รำข้าว ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ เห็ดกระถินพิมาน และเกสรพิลันกาสา โดยขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดออกมารับรองว่า มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในหารฆ่าเซลล์มะเร็งได้จริงหรือไม่. -สำนักข่าวไทย