กรุงเทพฯ 4 ม.ค.- คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงานเสนอ 17 ประเด็นปฎิรูปพลังงาน หวังสร้างโครงสร้าง ราคาพลังงานให้มีประสิทธิภาพ สร้างขีดความสามารถของประเทศ เสนอโอน กฟน.-กฟภ.สังกัด ก.พลังงาน ส่วน โซลาร์รูฟท็อปยังมีข้อขัดแย้งว่าควรเปิดเสรีเต็มรูปแบบหรือไม่
นายพรชัย รุจิประภา ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการฯได้จัดทำร่างการปฏิรูปประเทศด้านพลังงานที่มีทั้งหมด 3 ด้าน 17 ประเด็นเสร็จแล้วหลังเปิดรับฟังความคิดเห็นครบ 4 ครั้งได้แก่ โดยหนึ่งในข้อเสนอ คือ เสนอให้ 3 การไฟฟ้า คือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) ควรอยู่ภายใต้สังกัดกระทรวงพลังงาน จากที่ ปัจจุบัน กฟน.และ กฟภ.อยู่ภายใต้สังกัดกระทรวงมหาดไทย เนื่องจากตามหลักการจะทำให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพสูงสุด รองรับการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้น เช่น สมาร์ทกริด ไมโครกริด ระบบสำรองพลังงาน (Energy Storage System) การผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ทั้งแบบบนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป ) แบบติดตั้งบนพื้นที่ดิน (โซลาร์ฟาร์ม )
“เทคโนโลยีใหม่ด้านพลังงานที่เกิดขึ้นจะเปลี่ยนภาพในอดีตจาก 3 การไฟฟ้ามีแหล่งผลิตจาก กฟผ.เพียงรายเดียว กลายเป็นประชาชน เอกชนผลิตไฟฟ้าใช้เองกันมากขึ้น ดังนั้น 3 การไฟฟ้า ก็ต้องมาพิจารณาว่า ทำอย่างไร การลงทุนจะไม่ซ้ำซ้อน ไปเป็นต้นทุนค่าไฟอีก ระบบสายส่ง กระบวนการผลิตไฟฟ้าทั้งหลาย ระบบโครงข่ายต่างๆ การจัดการจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น”นายพรชัยกล่าว
ทั้งนี้ การปฎิรูปทั้ง 17 ประเด็น ประกอบด้วย ข้อเสนอบริหารจัดการ 3 ประเด็น ,ด้านไฟฟ้า 3 ประเด็น, ด้านปิโตรเลียม ปิโตรเคมี 2 ประเด็น,ด้านพลังงานทดแทน และเชื้อเพลิงชีวภาพ 4 ประเด็น ,ด้านการอนุรักษ์ และประสิทธิภาพ พลังงาน 4 ประเด็น ด้านนวัตกรรม เทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน 2 ประเด็น
นายพรชัย กล่าววว่า พลังงานถือว่าเป็นยาดำ หรือ เป็นสิ่งที่จำเป็นในของทุกภาคส่วน ดังนั้น ข้อเสนอเรื่องการปฎิรูปพลังงาน จึงเน้นเรื่อง โครงสร้างการบริหาร เพื่อจัดการประสิทธิภาพและให้มีผลต่อราคาต่ำที่สุด ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ โดยมูลค่าพลังงานคิดเป็นร้อยละ 14 ของจีดีพี และนับเป็นมูลค่ามาร์เก็ตแค็ปของตลาดหลักทรัพย์ฯถึงร้อยละ 25 และนับเป็นต้นทุนการผลิต ของอุตสาหกรรมและบริการ ถึงร้อยละ 15
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน กล่าวว่า จากการเปิดรับฟังความเห็นที่ผ่านมาจะมีการเสนอถึงแนวทางการเปิดเสรีโซลาร์รูฟท็อป ซึ่งขณะนี้มี ข้อถกเถียงว่าควรกำหนดปริมาณ หรือ ควรเปิดกว้างไม่จำกัด อย่างไรก็ตามต้องอยู่บนเงื่อนไขกติกาที่จะต้องมีการควบคุมดูแล เพราะแสงอาทิตย์ผลิตได้เต็มที่เพียง 4-5 ชั่วโมงเท่านั้น และจะกักเก็ยพลังงานเข้าระบบได้มากน้อยเพียงใด และจะกระทบต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าอย่างไรโดย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) จะต้องไปดูเงื่อนไขดังกล่าวเพื่อให้เกิดความมั่นคง เช่น การกำหนดค่าสำรองไฟฟ้า หรือแบ็คอัพ ค่าบริการสายส่งของ 3 การไฟฟ้า (wheeling charge )
สำหรับร่างปฎิรูปด้านพลังงาน ทางคณะกรรมการฯจะจัดทำข้อสรุปเสนอไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) แล้วจากนั้นจะต้องผ่านขั้นตอนการนำเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการร่วมประธานปฏิรูป คณะกรรมการยุทธศาสตร์ แล้วจึงนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบต่อไป-สำนักข่าวไทย