กาฬสินธุ์ 28 ธ.ค.-ผู้การฯกาฬสินธุ์ สั่งตั้งทีมสืบสวนพิเศษระดมกำลังไล่ล่าแก๊งตัดไม้พะยูงในโรงเรียน พร้อมตามแกะรอยกล้องวงจรปิด คาดคนร้ายก่อเหตุ 3 จุดเป็นกลุ่มเดียวกัน ยืนยันไม่มีอาวุธปืน
จากกรณีกลุ่มคนร้ายซึ่งเป็นชายฉกรรจ์ก่อเหตุลักลอบเข้าตัดไม้พะยูงในโรงเรียน 3 แห่ง ภายในเขต อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ โดยชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ระบุว่าเป็นการก่อเหตุที่อุกอาจ เนื่องจากคนร้ายมีอาวุธปืนและทำการปิดล้อมโรงเรียนก่อนลงมือตัดไม้ท่ามกลางสายตาชาวบ้านโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ล่าสุดเมื่อวันนี้(28 ธ.ค.) พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ชัยพร พงษ์ศักดิ์ ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พ.ต.อ.ธีรพัฒน์ ธารีไทย ผกก.สืบสวน ภ.จว.กาฬสินธุ์ พร้อมกับระดมชุดสืบสวนทั้ง สภ.เมืองกาฬสินธุ์ และชุดสืบสวน ภ.จว.กาฬสินธุ์ ตั้งเป็นทีมสืบสวนพิเศษลงพื้นที่แกะรอยและเร่งไล่ล่าตัวกลุ่มคนร้าย
พล.ต.ต.มนตรี กล่าวว่าขณะนี้ได้สั่งการให้ร่วมกันเป็นชุดพิเศษลงพื้นที่ติดตามตัวกลุ่มคนร้ายแล้ว โดยเบื้องต้นจะเข้าตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ เพื่อตามแกะรอยเส้นทางการเข้า-ออก ว่ามาสารถบันทึกภาพยานพาหนะของกลุ่มคนร้ายและรถยนต์ต้องสงสัยได้หรือไม่ พร้อมกับลงพื้นที่สืบข้อมูลไปยังกลุ่มต่างๆ ที่มีประวัติเกี่ยวกับการกระทำผิดเรื่องไม้ และกลุ่มที่มีเลื่อยยนต์ อีกทั้งยังให้เจ้าหน้าที่วิทยาการลงพื้นที่เก็บหลักฐานเพิ่มเติมที่คาดว่าคนร้ายจะทิ้งไว้ ทั้งนี้จากการตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุทั้ง 3 จุด ที่โรงเรียนดงน้อยสงเคราะห์ บ้านดงน้อย ต.ห้วยโพธ์ โรงเรียนบ้านหนองโพนวิทยายน บ้านหนองโพน ต.ไผ่ และโรงเรียนแกเปะราษฏร์นิยม บ้านแกเปะ ต.เชียงเครือนั้น เป็นกลุ่มเดียวกัน โดยจะอาศัยช่วงกลางดึกและจังหวะที่ชาวบ้านเผลอ โดยเฉพาะในช่วงก่อเหตุทั้ง 3 จุด เป็นช่วงที่มีอากาศหนาวและมีฝนตกทำให้ชาวบ้านไม่ค่อยออกมานอกบ้าน
พล.ต.ต.มนตรี กล่าวอีกว่าจากการลงพื้นที่สอบถามพยานแวดล้อม โดยเฉพาะชาวบ้านที่ระบุว่าเห็นเหตุการณ์ขณะคนร้ายลงมือตัดและเห็นกลุ่มคนร้ายมีอาวุธปืนนั้น พบว่าขณะเกิดเหตุมีชาวบ้านเห็นกลุ่มคนร้ายมากันหลายคน และเข้าใจไปเองว่าคนร้ายต้องมีอาวุธปืนจึงกลัวและไม่กล้าเข้าไปห้าม ซึ่งยืนยันว่าจากการสอบถามอย่างละเอียดแล้วนั้นคนร้ายไม่มีอาวุธปืนแต่อย่างใด เป็นเพียงการสร้างสถานการณ์ให้ดูเหมือนมีอาวุธปืน และยืนคุมเชิงตามจุดต่างๆเพื่อให้ชาวบ้านกลัวและไม่กล้าเข้ามาใกล้เท่านั้น
พล.ต.ต.มนตรี กล่าวอีกว่าเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นอีก ขณะนี้ได้สั่งการไปยังสถานีตำรวจทั้ง 23 สถานี ทำการสำรวจและเอ็กซ์เรย์ไม้พะยูงว่ามีอยู่จำนวนเท่าไหร่ ตั้งอยู่ที่ไหนบ้าง จากนั้นให้จัดกำลังเวรยามร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่คอยดูแลสอดส่องไม่ให้มีการลักลอบตัดไม้พะยูงอีก ซึ่งหากพื้นที่ใดเกิดเหตุลักษณะดังกล่าวขึ้นอีกก็จะมีการพิจารณาโทษตามขั้นตอนต่อไป อย่างไรก็ตามสำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวหากชาวบ้านพบเห็นเหตุการณ์ขณะคนร้ายก่อเหตุ หรือพบเห็นรถบุคคลแปลกหน้าให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่โดยเร็ว เพื่อที่จะเข้าไปจับกุมได้ในทันที.-สำนักข่าวไทย