สธ.22 ธ.ค.-เครือข่าย องค์กร งดเหล้า หนุนวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือด ผู้ประสบอุบัติเหตุบนท้องถนน หวังคลี่คลาย สงสัยเมาแล้วขับ หากพบแอลกอฮอล์ในเลือด เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ รับโทษทันที ย้ำต้องเคร่งครัดตรวจภายใน 4 ชั่วโมง
เครือข่ายองค์กรงดเหล้า ยื่นหนังสือต่อ นพ.โสภณ เมฆธน ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สนับสนุนมาตรการเจาะเลือดวัดระดับแอลกอฮอล์ในผู้ประสบอุบัติเหตุทุกรายเพื่อยืนยันตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2551โดยหากพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ให้ถือว่าเมาสุราแล้วขับ
นพ.โสภณ กล่าวว่า สำหรับมาตรการการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดนั้นเริ่มใช้ตั้งแต่เทศกาลสงกรานต์ปี 2560 ที่ผ่านมาแต่อาจไม่ปฏิบัติกันในอย่างกว้างขวางนักเนื่องจากการดำเนินการต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ชี้ขาดเป็นรายกรณีในกรณีการเกิดอุบัติเหตุว่าสมควรตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดหรือไม่
ทั้งนี้ หลักเกณฑ์การตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดจะทำในกรณีเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนและมีผู้บาดเจ็บหรือกรณีการเสียชีวิต โดยการตรวจจะทำภายใน 4 ชั่วโมงเพื่อให้ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดยังคงอยู่หักเกิน 6 ชั่วโมงไปแล้วระดับแอลกอฮอล์ในเลือดจะลดลงจนไม่สามารถตรวจได้ ตอนการเก็บระดับแอลกอฮอล์ในเลือดจะต้องมีการเจาะเลือดไปประมาณ 5 ซีซี เก็บในอุณหภูมิ 4-20 องศา เพื่อให้สามารถตรวจระดับแอลกอฮอล์ในเลือดได้ คาดว่าการใช้มาตรการดังกล่าวจะช่วยคลี่คลายบางกรณีเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน กรณีมีผู้เสียชีวิตและไม่สามารถหาพยานหลักฐานหรือวัตถุยืนยัน ว่าเกิดจากอุบัติเหตุเมาแล้วขับหรือไม่ .-สำนักข่าวไทย