กทม. 21 ธ.ค.-สรุปข่าวเด่นปี 2560 วันนี้นำเสนอเป็นตอนแรก ตั้งแต่ต้นปีเกิดปรากฏการณ์มีผู้ออกมาอ้างว่าตกเป็นจำเลยทั้งที่ไม่ได้ทำความผิด หรือเป็นแพะในหลายคดี จนนำไปสู่การพิสูจน์ความจริง ติดตามได้ในมองอดีต มองอนาคต ตอน “แพะ” จริง หรือ “ผิด” จริง
เริ่มจากต้นปีนี้ สังคมเทความสงสารให้กับครูจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร ชาวนครพนม ที่เข้าร้องเรียนกับกระทรวงยุติธรรม ว่าตัวเองตกเป็นจำเลยในคดีขับรถชนคนตายเมื่อปี 48 อ้างว่าไม่ได้ทำผิดจริง ก่อนยื่นคำร้องขอรื้อฟื้นคดี
ในเวลาใกล้เคียงกัน มีจำเลยหลายคนอ้างว่าตกเป็นแพะในอีกหลายคดี เช่น สาวร้านนวดสปาที่ภูเก็ต ถูกจับกุมในคดีชิงทรัพย์ มูลค่ากว่า 700,000 บาท เมื่อปี 54 ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 10 ปี เธอร้องเรียนว่าตำรวจจับผิดตัว แม้กระทรวงยุติธรรมเข้าช่วยเหลือ หาพยานหลักฐาน สู้ในชั้นอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์ก็ยังพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
อีกคดีดัง กลางปี นายกมล แพเขียว ภารโรงชาวชัยนาท ผู้ต้องหาชิงทรัพย์รถกระบะที่บ้านชาวต่างชาติที่สุพรรณบุรี ครอบครัวร้องเรียนขอความเป็นธรรมให้ช่วยรื้อฟื้นคดี พร้อมแสดงเอกสารสำคัญ คือจดหมาย เพราะขณะที่เขาถูกคุมขัง พบนักโทษในเรือนจำ ผู้ก่อเหตุตัวจริง เขียนรับสารภาพ เพราะสงสารที่นายกมลต้องรับผิดแทน แต่ยังไม่มีการนัดสืบพยาน
มีคดีแพะที่มีการนำเสนอพยานหลักฐานจนศาลพิพากษายกฟ้องเกิดขึ้นในปีนี้ 2 คดีสำคัญ นายวรวิทย์ สินทองน้อย ชาวอุบลราชธานี ที่ถูกศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก ในคดีร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่นเสียชีวิต ทั้งที่ไม่ได้ก่อเหตุ ก่อนที่กระทรวงยุติธรรมเข้าช่วยเหลือ จนศาลฎีกายกฟ้อง แต่เขากลับถูกอายัดตัวในคดียาเสพติด ถูกคุมขังตัวในเรือนจำนานกว่า 7 ปี ก่อนที่จะพิสูจน์ว่าเขาบริสุทธิ์จริงในคดียาเสพติด และได้รับอิสรภาพ ปิดคดีแพะซ้อนแพะ
แพะอีกคดี นายพิสิษฐ์ สุวรรณพิมพ์ พ่อค้าขายไก่ทอด ชาวนครพนม ถูกกล่าวหาชิงทรัพย์เพชรมูลค่ากว่า 15 ล้านบาท และถูกคุมขังในเรือนจำกว่า 7 เดือน กระทรวงยุติธรรมช่วยรวบรวมพยานหลักฐาน พบความไม่ชอบมาพากลหลายอย่างในขั้นตอนการสอบสวน
7 เดือนของการต่อสู้เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ คือการเปิดหลักฐานพยานที่ยืนยันสถานที่อยู่ให้เขาที่นครพนม ขณะเหตุชิงทรัพย์เกิดที่กรุงเทพฯ และมีขบวนการมิจฉาชีพนำสำเนาบัตรประชาชนของเขาไปลงทะเบียนเปิดเบอร์โทรศัพท์ เพื่อติดต่อกับผู้เสียหาย ศาลชั้นต้นจึงพิพากษายกฟ้อง โดยให้เหตุผลว่าพนักงานสอบสวนสอบสวนไม่สิ้นกระแสความ นายพิสิษฐ์ได้รับอิสรภาพในที่สุด
แต่ภาพความดีใจแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในทุกคดี เช่น คดีของนายพัสกร สิงคิ จำเลยในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่น แต่ศาลฎีกายกคำร้อง เพราะพยานใหม่ไม่น่าเชื่อถือ หลักฐานที่นำมารื้อฟื้นนานกว่า 2 ปี มีข้อพิรุธหลายเรื่อง
รองปลัดกระทรวงยุติธรรมอธิบายเหตุผลผู้ร้องเรียนไม่ได้รับความเป็นธรรม เช่น คดีแพะหลายคดีว่าไม่ได้เกิดจากการทำงานเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงอย่างเดียว กระบวนยุติธรรมไทยเป็นระบบกล่าวหา เจ้าหน้าที่จึงต้องมุ่งหาพยานหลักฐานเพื่อยืนยันความผิด และในบางคดีประชาชนไม่รู้กฎหมาย บางคดีทนายความไม่สามารถหาหลักฐานมาหักล้างข้อกล่าวหาได้ บางครั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเขามีเวลาจำกัด แล้วคดีที่อยู่ในความสนใจ หลักฐานที่ได้ในขณะนั้นมันทำให้มุ่งเน้นไปที่คนกล่าวหาและผิดตัว
ปิดท้ายปลายปีด้วยคดีของครูจอมทรัพย์ หนึ่งในคดีที่กระทรวงยุติธรรมช่วยเหลือเพื่อขอรื้อฟื้นคดี หลังศาลฎีกาพิพากษาและครูจำคุก 3 ปี จนได้รับอิสรภาพออกมาแล้วยื่นคำร้องขอรื้อฟื้นคดี ก่อนศาลอ่านคำพิพากษายกคำร้อง ไม่มีการรื้อฟื้น และมีการระบุด้วยว่ามีขบวนการว่าจ้างให้นายสับ วาปี เป็นผู้รับผิดแทน เสนอค่าตอบแทนให้ 400,000 บาท แต่นายสับเปลี่ยนใจ จึงมีการไปติดต่อให้บุคคลอื่นมารับสมอ้าง การปั้นแพะพัวพันถึงครูและเพื่อนครู
ตลอด 2-3 ปีนี้ กระทรวงยุติธรรมให้การช่วยเหลือกรณีผู้ร้องเรียนไม่ได้รับความเป็นธรรมในคดีอาญาไปแล้ว 20 เรื่อง และสามารถหาพยานหลักฐานช่วยต่อสู้คดีสำเร็จจนศาลยกฟ้องไปแล้ว 10 เรื่อง
คดีแพะกับกระบวนการยุติธรรมยังคงเป็นปัญหาต่อเนื่องไปในอนาคต การทำงานของพนักงานสอบสวนมักถูกตั้งคำถามถึงความรอบคอบ รัดกุม ในการทำหน้าที่ และการอำนวยความยุติธรรมเบื้องต้น พยานหลักฐานที่ถูกต้อง คนทำผิดตัวจริงต้องถูกดำเนินคดี เพราะไม่เช่นนั้นจะเกิดคำถามว่านี่คือแพะตัวจริง หรือผู้ทำความผิดตัวจริง.-สำนักข่าวไทย