ชาวบ้าน 7 ตำบลในอ.เทพา รวมตัวหนุนโรงไฟฟ้าถ่านหิน

สงขลา 21 ธ.ค. – ชาวบ้านจาก 7 ตำบลของอำเภอเทพา จังหวัดสงขลา  กว่าพันคน  รวมตัวชุมนุมกัน  เพื่อแสดงเจตนารมณ์สนับสนุนโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ที่มีแผนจะก่อสร้างขึ้นในพื้นที่หมู่ 4 ตำบลปากบาง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา 


กลุ่มผู้ชุมนุมได้เดินขบวนบนถนนหน้าที่ว่าการอำเภอเทพา ได้ถือป้ายและธงสีชมพูอันเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มสนับสนุน พร้อมส่งเสียงแสดงจุดยืนสนับสนุนให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา เมื่อเดินมาถึงบริเวณที่ว่าการอำเภอเทพา กลุ่มชมรมโต๊ะอิหม่ามซึ่งเป็นผู้นำศาสนาอิสลามในพื้นที่ ได้เข้าร่วมขบวนและเดินนำกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปยังที่ว่าการอำเภอเทพาด้วย

จากนั้นตัวแทนกลุ่มภาคีเครือข่ายต่างๆจำนวนหลายสิบกลุ่มที่สนับสนุนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ได้พูดแสดงเจตจำนงสนับสนุนโครงการดังกล่าว โดยระบุว่าการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขึ้นในพื้นที่จะนำมาซึ่งความเจริญ เพราะจะมีผู้คนมาท่องเที่ยวและศึกษาดูงาน ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจการค้าขายในพื้นที่ดีขึ้น และพวกเขาบอกว่ามีความมั่นใจต่อเทคโนโลยีที่ทันสมัยของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ที่จะนำมาใช้ในโรงไฟฟ้าว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ  


นายหลี สาเม๊าะ อดีตกำนันตำบลปากบาง แกนนำกลุ่มผู้สนับสนุน  ได้อ่านแถลงการณ์เรื่องชาวเทพาขอตัดสินใจด้วยตนเอง โดยระบุว่าตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตได้เข้ามาพูดคุยถึงโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ได้พูดคุยหาแนวทางแก้ไขผลกระทบต่างๆแล้วเมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งกำนัน, นายก อบต.และเครือข่ายทุกตำบลได้ประชุมร่วมกันและมีมติว่าสนับสนุนให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าผ่านหินเทพา ซึ่งที่ผ่านมามีกลุ่มเอ็นจีโอนอกพื้นที่ได้เข้ามาเคลื่อนไหว ทำให้ประชาชนและสังคมเกิดความสับสนว่าชาวอำเภอเทพาเห็นด้วยหรือไม่กับโรงไฟฟ้า ดังนั้นทางกลุ่มภาคีเครือข่ายได้นำประชาชน ผู้นำท้องถิ่น และผู้นำศาสนามายืนยันว่าสนับสนุนโรงไฟฟ้า และเรียกร้องไปรัฐบาล 3 ข้อ ดังนี้ คือ 1.ขอให้รัฐบาลฟังเสียงของชาวเทพาในการตัดสินใจในครั้งนี้ ซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่ง กฟผ.ได้ให้คำมั่นสัญญาแล้วว่าจะสนับสนุนการพัฒนาของอำเภอเทพาในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการดูแลชดเชย และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบที่ต้องย้ายบ้าน และศาสนสถาน กุโบร์ ต้องไม่ได้รับผลกระทบ และโรงเรียนศาสนาหากต้องย้ายให้สนับสนุนโรงเรียนให้ดีกว่าเดิม ข้อ 2. เรียกร้องให้กลุ่มเอ็นจีโอนอกพื้นที่เคารพสิทธิของชาวเทพา ยุติบิดเบือนข้อมูล ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างความขัดแย้งในสังคม และข้อ 3. ขอให้นายกรัฐมนตรีรีบตัดสินใจต่อประเด็นโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาภายใน 45 วัน โดยรับฟังการตัดสินใจของชาวเทพาในครั้งนี้ 

จากนั้น กลุ่มภาคีเครือข่ายผู้สนับสนุนโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ได้ยื่นแถลงการณ์ให้แก่นายสนอง จันทร์รักษ์ นายอำเภอเทพา เพื่อส่งถึงนายกรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งนายอำเภอได้รับมอบและกล่าวว่ารู้สึกอุ่นใจที่การชุมนุมในวันนี้ไม่มี่ความรุนแรงเกิดขึ้น และกล่าวทิ้งท้ายว่าจะสนับสนุนสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนชาวเทพา – สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง