ทำเนียบฯ 19 ธ.ค.-โฆษกประจำสำนักนายกฯ แจงที่ประชุม คสช.เห็นชอบให้ใช้อำนาจตาม ม.44 ปลดล็อคขยายเวลาการดำเนินกิจกรรม ตามกรอบเวลาของกฎหมายพรรคการเมือง แบ่ง 2 ช่วง สำหรับพรรคการเมืองใหม่ และพรรคการเมืองเก่า หวังลดความได้เปรียบ-เสียเปรียบพรรคใหม่-เก่า ขณะที่ ปลดล็อคทั้งหมด หลังกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.บังคับใช้ ยืนยัน ปฏิทินเลือกตั้งยัง พ.ย.61
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เห็นชอบในหลักการให้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ขยายเวลาให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมได้ตามกรอบเวลาที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ปี 2560 กำหนดไว้ โดยคำสั่งดังกล่าวมีผลทำให้พรรคการเมืองใหม่สามารถจองชื่อพรรคการเมือง , สรรหาสมาชิก , เก็บค่าบำรุงสมาชิกได้ และให้เริ่มประชุมใหญ่ครั้งแรกเพื่อคัดเลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคได้ โดยจะต้องขออนุญาต คสช. ก่อน ส่วนพรรคการเมืองเก่า จากการสำรวจพบว่ามีทั้งหมด 69 พรรค คสช.ยังไม่อนุญาตจัดประชุมใหญ่ แต่อนุญาตตรวจสอบสถานภาพสมาชิกเดิมได้ไปพลางก่อน จากนั้น คสช.จะทำการปลดล็อกให้สามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ทั้งหมด หลังจากที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มีผลบังคับใช้ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2561 ซึ่งหมายความว่าพรรคการเมืองทั้งหมดจะเริ่มดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง 150 วัน ซึ่งคาดว่าจะมีคำสั่ง คสช.ภายในปีนี้
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า เหตุผลที่ คสช.ยังไม่พิจารณาปลดล็อคกิจกรรมทางการเมืองทั้งหมด เนื่องจากฝ่ายความมั่นคงยังพบความเคลื่อนไหวทางการเมืองว่าสถานการณ์ยังไม่เหมาะสมที่จะปลดล็อคในช่วงนี้
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในที่ประชุม คสช. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้จัดทำตารางฉายภาพโรดแมป พร้อมกรอบเวลาของ คสช.ทั้งหมด โดยยืนยันว่ากำหนดการเลือกตั้งยังอยู่ในเดือนพฤศจิกายน 2561 เช่นเดิม
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ คสช.ยังมีมติเห็นชอบในหลักการให้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ในการแก้ปัญหาการจัดซื้อยางพาราจากการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐจัดซื้อยางไปทำถนนได้ โดยตั้งเป้าเพิ่มปริมาณการซื้อให้ได้ 2 แสนตัน ซึ่งคำสั่งดังกล่าวจะเข้าไปปลดล็อคเงื่อนไขทางกฎหมาย ให้หน่วยงานของรัฐสามารถซื้อยางพาราจาก กยท.ที่ถือเป็นหน่วยงานของรัฐเช่นกันได้ ทั้งนี้การพิจารณาใช้คำสั่งตามมาตรา 44 ฉบับนี้จะต้องรอมติจากที่ประชุมคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐให้ความเห็นก่อนว่าหน่วยงานภาครัฐสามารถจัดซื้อพัสดุของรัฐได้โดยไม่ขัดต่อกฎหมายหรือไม่.-สำนักข่าวไทย
