ปราจีนบุรี 15 ธ.ค.-แม่วัย 41 ปี สงสัยลูกสาววัย 18 ปี พิการทางสมอง มีเงินใช้วันละ 100-200 บาท ทำร้ายและเค้นถามจนลูกยอมรับ หลวงตาในวัดใกล้บ้านให้มาเพราะยอมหลับนอนด้วย ด้านหลวงตาปฏิเสธไม่เคยยุ่งกับเด็ก ให้เงินเพราะสงสาร
จากกรณีแม่วัย 41 ปี ชาว ต.โพธิ์งาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ทำร้ายลูกสาวอายุ 18 ปี ด้วยการนำทรายมาถูหน้าจนเป็นแผล ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ทนไม่ไหวแจ้งเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลโพธิ์งามให้ช่วยเหลือ โดยลูกสาวเป็นคนสติไม่ดี หลังป่วยเป็นโรคไวรัสอักเสบขึ้นสมอง จนทำให้พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง
ผู้เป็นแม่อ้างว่าที่ต้องทำร้ายลูก เพราะลูกสาวไปมีเพศสัมพันธ์กับหลวงตาอายุ 61 ปี พระลูกวัดในตำบล ที่ตนรู้ เพราะสงสัยว่าลูกสาวมักมีเงินมาใช้วันละ 100 หรือ 200 บาท จึงคาดคั้นจนทราบว่าได้เงินมาจากไหน ลูกสาวบอกกับตนว่า หลวงตาให้มา เพราะขอนอนด้วย เมื่อได้เงินก็ยอมนอนกับหลวงตา แต่ถ้าไม่ให้เงินตนก็ไม่นอนด้วย โดยที่ทำอย่างนี้มา 4-5 เดือนแล้ว
ตนยังไม่เชื่อ จึงวางแผนให้ลูกสาวไปหาหลวงตาที่วัดเมื่อเช้าวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยแอบตามลูกสาวไปที่กุฏิ เมื่อมาถึงได้ยินเสียงหลวงตาถามลูกสาวว่า แม่ตามมาหรือเปล่า ลูกสาวบอกไม่ได้ตามมา จากนั้นได้ยินเสียงหลวงตาสั่งให้ลูกสาวถอดกางเกงออก แต่ลูกสาวไม่ยอมถอด เพราะหลวงตาให้เงินแค่ 60 บาท หลวงตาจึงบังคับให้ถอด แต่ไม่สำเร็จ ลูกสาวตนไม่ยอมและส่งเสียงโวยวาย หลวงตาจึงให้ลูกสาวตนออกมาข้างนอกกุฏิพร้อมกับข้าวถุง เมื่อมาถึงบ้านจึงด่า จนทะเลาะกับลูกสาว
เจ้าหน้าที่จากเทศบาลตำบลโพธิ์งามจึงพาสองแม่ลูกแจ้งความดำเนินคดีกับหลวงตา โดยมีเจ้าหน้าที่จากพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ปราจีนบุรี ร่วมเดินทางมาด้วย
ผู้สื่อข่าวได้ขอพบเจ้าอาวาสวัดของพระที่ถูกกล่าวหา ซึ่งได้เรียกเจ้าตัวมาพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าไม่ได้ประพฤติอย่างที่ถูกกล่าวหา ไม่มีการซื้อบริการทางเพศ หรือล่วงละเมิดทางเพศเด็กแต่อย่างใด เพียงแค่สงสาร จึงให้อาหารไปกินทุกวัน บางครั้งก็ให้เงิน เพราะเห็นว่าบ้านยากจน และขอยืนยันว่าตนไม่ได้ละเมิดทางเพศแม้แต่ครั้งเดียว หากทำจริงก็พร้อมลาสิกขาจากสมณเพศ.-สำนักข่าวไทย