กรุงเทพฯ 13
ธ.ค.-ปตท.เตรียมหาของขวัญปีใหม่เพิ่มเติมแก่ประชาชนนอกเหนือจากตรึงราคาน้ำมัน
ส่วนโครงการ DO NOW ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพของกลุ่ม ปตท.เฉพาะธุรกิจขั้นปลาย
สามารถช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มถึง 1.4 หมื่นล้านบาท/ปี
นายอรรถพล
ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บมจ.ปตท. (PTT) กล่าวว่า
ปตท.อยู่ในระหว่างการจัดเตรียมของขวัญปีใหม่เพิ่มเติม แก่ประชาชน
โดยกำลังพิจารณาว่าจะเป็นของสมนาคุณแก่ลูกค้าผู้เติมน้ำมัน โดยอาจจะเป็นข้าว
หรือน้ำเปล่า ซึ่งจะเป็นการดำเนินการเพิ่มเติม จากที่ ปกติช่วงเทศกาลปีใหม่ ปตท.จะตรึงราคาน้ำมันเป็นประจำทุกปี
แต่หากต้นทุนน้ำมันลดลงก็พร้อมจะลดราคาน้ำมันในช่วงนั้นลงด้วย
นายอรรถพล
ยังกล่าวด้วยว่า
ปตท.ยังมองหาโอกาสการลงทุนใหม่ธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีทั้งในและต่างประเทศ
ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพธุรกิจ
หลังจากในช่วงที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจดังกล่าวได้ดำเนินโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพ
ทั้งการเพิ่มผลผลิตที่มีมูลค่าสูง และการลดต้นทุนการผลิต
ทำให้ภาพรวมสามารถลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพเฉพาะธุรกิจขั้นปลายได้ราว 1.4
หมื่นล้านบาท/ปี ผ่านโครงการต่าง ๆของ ปตท.และบริษัทในเครือ เช่น MAX ของ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) , EVEREST ของบมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) ,โครงการ SAVE to be SAFE บมจ. ปตท.สผ. และโครงการTranscendent บมจ. ไทยออยล์ เป็นต้น ส่วนแผนธุรกิจ 5 ปี (ปี 61-65)จะเตรียมจะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการปตท.ในช่วงปลายปีนี้
ทั้งนี้ กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจยังอยู่ภายใต้
PTT3D ได้แก่ DO NOW ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ
ซึ่งปัจจุบันกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมีก็ได้ดำเนินการอยู่แล้ว , DECIDE NOW ซึ่งเป็นการมองหาโอกาสขยายการเติบโตและต่อยอดธุรกิจที่มีอยู่
เช่น ทั้งในกลุ่มโรงกลั่น และบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ที่มองหาการลงทุนที่ต่อยอดจากพื้นฐานการลงทุนที่มีอยู่
และ DESIGN NOW เป็นการเร่งสร้างธุรกิจใหม่ให้เติบโตแบบก้าวกระโดด
ซึ่งเป็นระยะยาว เช่น ธุรกิจไฟฟ้าที่จะต่อยอดไปยังธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ,แบตเตอรี่ เป็นต้น
สำหรับสถานีบริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
(EV Charging Station) นั้น ปตท.ได้ทดลองติดตั้งแล้วราว 15 แห่ง
จากเป้าหมายทั้งหมด 20 แห่ง และกำลังศึกษารูปแบบการทำเป็นเชิงธุรกิจ
คาดว่าจะได้ข้อสรุปในต้นปีหน้า
สำหรับร้านกาแฟคาเฟ่ อเมซอน
ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจค้าปลีกของปตท.นั้น นับว่ายังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
โดยมียอดขายราว 1 หมื่นล้านบาท/ปี
และในปีนี้คาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้เพิ่มขึ้นเป็น 180 ล้านแก้ว
จากปีที่แล้วที่ทำได้ราว 150 ล้านก้าว แต่กำไรส่วนนี้ไม่ได้อยู่ที่ปตท.โดยตรง
เพราะร้านส่วนใหญ่เป็นลักษณะแฟรนไชส์ ของกลุ่มเอสเอ็มอีต่าง ๆ
ขณะที่ปตท.ได้รับเพียงค่าแฟรนไชส์ราว 6% ของยอดขายเท่านั้น
ในวันนี้ (13 ธ.ค. ) ปตท.และ
ธนาคารกสิกรไทย ได้ร่วมมือกันดำเนินการโครงการ QR
Code เพื่อสนองนโยบาย National e-Payment ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
และอำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภคที่มาใช้บริการร้านค้าปลีกของปตท.ได้แก่ร้านคาเฟ่ อเมซอน เท็กซัส
ชิคเก้น แด๊ดดี้โด ฮั่วเซ่งฮง ติ๋มซำ ศูนย์บริการยานยนต์ฟิตออโต้
และร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ รวมกว่า 2,200 จุด เปิดรับชำระเงินค่าสินค้าและบริการด้วย QR Code โดยจะสามารถเริ่มใช้งานได้ในเขตกรุงเทพฯ
และปริมณฑล ตั้งแต่ต้นไตรมาส 2 ปี 2561 และจะขยายผลทั่วประเทศให้แล้วเสร็จในกลางปี 2561
นอกจากนี้ ปตท.
ยังเตรียมต่อยอดการชำระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ และการใช้จ่ายผ่าน Application บนโทรศัพท์มือถือ
โดยมีแผนพัฒนานวัตกรรมการเงิน e-Wallet
Platform ขึ้นเพื่อให้ผู้บริโภคได้ใช้ซื้อสินค้า/บริการในธุรกิจค้าปลีก
รวมถึงการเลือกซื้อสินค้าผ่านApplication บนโทรศัพท์มือถือได้อย่างสะดวกสบาย
พร้อมได้รับสิทธิพิเศษหรือข้อเสนออันเป็นประโยชน์เฉพาะบุคคลที่ถูกออกแบบคัดสรรขึ้นจากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก
เพื่อที่จะพัฒนาคุณภาพการบริการ สร้างความประทับใจให้ผู้บริโภคในทุกมิติ จาก ปตท.
หรือคู่ค้าชั้นนำ ในปี 2561–สำนักข่าวไทย