กรุงเทพฯ 12 ต.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีหุ้นไทยปิดการซื้อขายวันนี้ที่ระดับ 1,406.18 จุด ลดลง 36.03 จุด หรือร้อยละ 2.50 มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นมาก 130,152.19 ล้านบาท ดัชนีหุ้นไทยสร้างสถิติใหม่ หลังจากดัชนีปรับตัวลงแรง ท่ามกลางความสับสนเกี่ยวกับกระแสข่าวลือภายในประเทศ ทำให้มีแรงขายออกมาอย่างหนักในหุ้นทุกกลุ่ม ส่งผลมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นมากถึง 130,152.19 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 41 ปี นับตั้งแต่มีการก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อปี 2518
ส่วนดัชนีหุ้นไทยวันนี้ปรับลดลงแรงถึง 99.08 จุด โดยดัชนีต่ำสุดของวันที่ระดับ 1,343.13 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2559 โดยการซื้อขายหุ้นในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ดัชนีร่วงลงแล้ว 98 จุด
ด้าน ตลท. แจ้งว่า ตลาดหลักทรัพย์ได้รายงานข้อมูลการปรับตัวลดลงแรงของตลาดหุ้นไทยให้กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รับทราบ ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ ตลท. หากมีการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นเกินร้อยละ 5 ทั้งหุ้นขึ้นและหุ้นลง ตลาดหลักทรัพย์ต้องรายงานข้อมูลให้ 3 หน่วยงานดังกล่าวทราบ
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (KTBST) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงแรงมาจากปัจจัยภายในประเทศ ทำให้นักลงทุนเกิดความสับสน เพราะยังไม่มั่นใจในผลกระทบ ดังนั้น จึงมีการเทขายถือเงินสดไว้ก่อน โดยมองว่าดัชนียังมีโอกาสปรับลงต่อได้ ดังนั้น คำแนะนำระยะนี้ให้ถือเงินสดเป็นหลัก แต่หากจะเข้าลงทุนให้เลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เพราะมีหุ้นหลายตัวที่ราคาน่าสะสม โดยให้ทยอยลงทุน ส่วนการที่ดัชนีหุ้นร่วงลงแรงในวันนี้ มีนักลงทุนที่ซื้อขายด้วยบัญชีมาร์จิ้นถูกบังคับขายออกมาบ้าง เนื่องจากวางเงินมาร์จิ้นไม่ทัน
ส่วนประเภทนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 1,221.54 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 3,023.47 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 411.36 ล้านบาท และนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 4,656.38 ล้านบาท
ด้านนักค้าเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดการซื้อขายวันนี้ที่ระดับ 35.80 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าสุดในรอบ 9 เดือน และอ่อนค่าลงจากช่วงเช้าที่เคลื่อนไหว 35.40 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ จากความกังวลปัจจัยภายในประเทศ.-สำนักข่าวไทย