กรุงเทพ 11ธ.ค.-รัฐบาลขอบคุณข้อแนะนำของประธานที่ปรึกษา พรรคประชาธิปัตย์ กรณีรายได้ต่อครัวเรือนลดลง พร้อมยืนยัน ได้ดำเนินการแล้วเกือบทุกเรื่อง และไม่เคยมองข้ามปัญหา แนะทุกฝ่ายต้องร่วมมือ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ไม่รอเพียงความช่วยเหลือจากรัฐ
พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ส่งจดหมายเปิดผนึกเรื่อง รายได้ต่อครัวเรือนประชาชนในภาคใต้ลดลง ผ่านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีมาว่า ในฐานะที่นายชวน เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง รัฐบาลขอขอบคุณในข้อแนะนำและความห่วงใยที่มีต่อประชาชนทั่วประเทศ ในกรณีที่ระบุว่า รายได้ต่อครัวเรือนในภาคเหนือและภาคใต้โดยรวมลดลง โดยเฉพาะจังหวัดระนอง ตรัง และยะลา ต้องไปดูว่าสาเหตุเกิดจากอะไร โดยจากการลงพื้นที่ ของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไปพบปะเยี่ยมเยียนประชาชนในหลายโอกาสจึงได้พบเห็นกับตาตนเองว่า จังหวัดเหล่านั้นยังไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน การประกอบอาชีพที่ส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 ทำการเกษตรแบบดั้งเดิม เช่น ปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมันเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้มีผู้คนอีกไม่น้อยที่ยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้
“หากย้อนกลับไปดูสภาพเศรษฐกิจของประเทศ ก่อนปี 2557จะพบว่า บ้านเมืองประสบปัญหาอย่างหนัก เพราะปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง จนรัฐบาลหลายยุคไม่สามารถขับเคลื่อนงานสำคัญที่จะยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่เมื่อรัฐบาลนี้ได้เข้ามาบริหารประเทศได้ทำงานอย่างหนัก จนทำให้เวลานี้เศรษฐกิจโดยรวมเริ่มดีขึ้น มีตัวเลขทางเศรษฐกิจจากสำนักต่างๆยืนยัน อย่างชัดเจน”พลโทสรรเสริญ กล่าว
พลโทสรรเสริญ กล่าวว่า การจะทำให้รายได้ระดับครัวเรือนของประชาชน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้น้อยเพิ่มสูงขึ้นนั้น ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง และไม่ใช่เรื่องง่าย เชื่อว่าทุกรัฐบาลย่อมทราบดี แต่หลายเรื่องที่นายชวน ได้กรุณาให้คำแนะนำ รัฐบาลนี้ได้ลงมือทำแล้ว ทั้งการดึงอัตลักษณ์ของชุมชนมาส่งเสริมการท่องเที่ยว หรือสนับสนุนให้เกษตรกรทำอาชีพเสริมนอกจากการปลูกพืชแบบเดิม ๆ และมีหลายเรื่องที่กำลังดำเนินการอยู่ เช่น การแปรรูปสินค้าเกษตรโดยใช้นวัตกรรมเพื่อยกระดับราคาสินค้าให้สูงขึ้น การรวมกลุ่มเกษตรกร สนับสนุนการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนรวมไปถึงบริษัทประชารัฐ ที่เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐภาคเอกชนและประชาชนแต่ทุกอย่างจะไม่เกิดความสำเร็จได้เลยถ้าทุกฝ่ายไม่ร่วมมือกัน หรือรอแต่ความช่วยเหลือจากภาครัฐเพียงอย่างเดียว
พลโทสรรเสริญ กล่าวอีกว่ารัฐบาลยืนยันว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาได้ติดตามข้อมูลรายละเอียดสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งประเทศอยู่เสมอผ่านคณะกรรมการหลายชุด และไม่เคยมองข้ามเรื่องนี้ จึงได้พยายามปรับรูปแบบ วิธีการทำงาน และการจัดสรรงบประมาณ/โครงการ ที่มุ่งไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจในระดับฐานราก เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ให้แก่ประชาชน เช่น กำหนดให้มีแผนบูรณาการบริหาร และงบประมาณแบบใหม่ มีภาค6 ภาค (เหนือ-กลาง-อีสาน-ใต้-จังหวัดชายแดนภาคใต้ และอีอีซี )มีกลุ่มจังหวัด และจังหวัด โดยแต่ละกลุ่มจังหวัดจะมีจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่ม เพื่อให้การพัฒนาทุกด้านสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของพื้นที่มากที่สุด.-สำนักข่าวไทย