ประชาธิปัตย์ 9 ธ.ค.- ปชป. อัด ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต หมกเม็ด–เอื้อพวกพ้อง แนะ สนช. ทบทวนให้ดี อนาคตอาจนั่ง ส.ว. ใช้กฎหมายนี้
นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษก และฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ แถลง แสดงความเป็นห่วง ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ที่อยู่ในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งพบว่ามีจุดบกพร่องหลายประเด็น หลายมาตรา ชี้ให้เห็นพิรุธ หรือความไม่ชอบมาพากลในการร่าง ว่าหมกเม็ด หรือซ่อนปมไว้หรือไม่
นายราเมศ ยกตัวอย่าง มาตรา 104 ระบุว่า การปราบทุจริตที่ให้ ป.ป.ช.เปิดเผยข้อมูลโดยสรุป ทั้งๆ ที่กฎหมาย ป.ป.ช.ก่อนหน้านี้ กำหนดให้มีการเปิดเผยข้อมูลบัญชีทรัพย์สินหนี้สินต่างๆ โดยละเอียด และในหมวด 7 มาตรา 127 ระบุให้ข้าราชการเจ้าหน้าที่ทุกระดับ ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สิน แต่ในวรรคสี่ ระบุให้เก็บข้อมูลไว้ที่หน่วยงานต้นสังกัด และให้เป็นความลับ เปิดเผยมิได้
“ทั้ง 2 มาตรานี้ ส่อที่จะขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 233 ที่กำหนดให้ตรวจสอบและเปิดเผยทรัพย์สินหนี้สินของทุกตำแหน่งที่ยื่น ดังนั้น จึงเรียกร้องขอให้สนช. พิจารณาเรื่องนี้ให้ละเอียดรอบครอบ อย่าเกรงใจใคร เพราะท้ายที่สุด ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้ง ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายนี้ รับราชการมากี่ปี รวมทรัพย์สินแล้วเป็นจำนวนเท่าไร ก็ต้องเปิดเผยในวันข้างหน้าอยู่ดี” นายราเมศ กล่าว
ด้าน นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีนี้ดูแล้วแปลกๆ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ระบุช่วงรณรงค์ให้ผ่านประชามติ ว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงในยุคปฏิรูป แต่พอมาถึงการทำกฎหมายลูก ที่กำลังอยู่ในวาระ 2 ระหว่างการพิจารณาแปรญัตติของ สนช. กลับเป็นการร่างกฎหมายเพื่อเอาใจคนเพียงแค่ 9 คน หรือเอื้อให้ใครหรือไม่ เพราะในรัฐธรรมนูญให้เร่งสะสางคดีโดยเร็ว แต่ร่างกฎหมายฉบับนี้ กลับให้เวลาตรวจสอบถึง 490 วัน
“นอกจากนี้ยังพบว่า มีการนำคนที่ถูกร้องเรียนใน ป.ป.ช. ไปนั่งเป็นกรรมการในคณะกรรมาธิการวิสามัญ ยิ่งเพี้ยนเข้าไปใหญ่ รวมถึง มีกรรมการ ป.ป.ช. บางคน เข้าไปนั่งอยู่ด้วย ทั้งๆ ที่มีการอำนาจในการร่างเพื่อปราบโกง แต่กลับมาเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองและพวกพ้อง” นายชาญชัย กล่าว
นายชาญชัย กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้มีความสำคัญ ที่จะทำให้บ้านเมืองเดือนหน้าต่อไปได้ ไม่ใช่หมกเม็ด รวมศูนย์อำนาจ กฎหมายฉบับนี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า อยู่ในยุคปฏิรูปหรือไม่ หรือจะผิดเพี้ยนไปจากเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ .- สำนักข่าวไทย