บช.ก. 23 ก.ย. – “ทนายสายหยุด” พร้อมตัวแทนบริษัทอสังหาริมทรัพย์ นำเอกสารเข้าชี้แจงกับ บช.ก. หลังถูกร้องเรียนทิ้งงานสร้างบ้านมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ด้านทนายชี้แจงปัญหาเกิดจากการสู้รบไทย-กัมพูชา คนงานกว่า 90% หนีกลับประเทศ ทำให้งานล่าช้า หลังจากนี้พร้อมเจรจาผู้เสียหายเป็นรายบุคคล
หลังจากที่ผู้เสียหายรวมตัวกันเข้าร้องเรียนกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หลังถูกบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่รับงานก่อสร้างบ้าน ราคาหลังละ 3-10 ล้านบาท แต่ทิ้งงาน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ก.ย.2568 ที่ผ่านมานั้น
วันนี้ ทางทนายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว ได้เดินทางมายังกองบังคับการปราบปรามพร้อมกับตัวแทนบริษัท เพื่อนำเอกสารมาชี้แจงกับตำรวจ พร้อมเปิดเผยว่า หลังจากที่เป็นกระแสข่าว ทางบริษัทเกิดความไม่สบายใจ เพราะว่าทนายของตัวแทนผู้เสียหายพยายามจะพูดว่า นี่คือการฉ้อโกงประชาชน ที่ผ่านมาทางบริษัทพยายามจะนิ่งและแก้ไขปัญหาให้ได้มากที่สุด แต่เหมือนการกระทำของผู้เสียหายเป็นการเรียกแขก ทางบริษัทเลยต้องเข้ามาชี้แจงพร้อมกับเอกสารที่เกี่ยวข้องกับทางตำรวจ
ทนายสายหยุด ยังบอกอีกว่า ตั้งแต่ปี 2561 บริษัทได้มีการส่งมอบบ้านไปแล้วกว่า 1,700 หลัง ไม่มีปัญหาอะไร ตอนนี้ที่สร้างอยู่ประมาณ 200 หลัง ที่ล่าช้าเพราะเกิดการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา คนงานเกือบ 90% เป็นคนเขมร ได้หนีกลับไปเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ยอมรับว่าไม่มีช่างเข้าไปที่หน้างาน เพราะส่วนใหญ่งานโครงสร้างหนักจะเป็นคนงานเขมรทำ ส่วนแรงงานไทยจะตกแต่งภายใน และคุมงาน ทนายสายหยุด อ้างว่า ผู้เสียหายจริง ๆ มีไม่เกิน 5 ราย และหนึ่งในนั้นเป็นทหารยศใหญ่ทางภาคตะวันออก สร้างบ้านราคา 7 ล้านบาท ที่พยายามปลุกระดมคนเข้ามาในกลุ่มเพื่อเป็นผู้เสียหาย
วันนี้ทางบริษัทได้นำเอกสารสำคัญ ทั้งเอกสารสัญญาจ้าง, การคุยกันผ่านแชทไลน์, เอกสารแสดงว่ามีการขาดแคลนแรงงาน เพราะยังหาคนงานก่อสร้างไม่ได้ และภาพถ่ายการทำงาน มาชี้แจงให้กับทางตำรวจ
บ้านบางหลังมีการเข้าไปทำมากบ้างน้อยบ้าง แต่บางหลังไม่ให้เข้าไปทำต่อแล้วก็มาแสดงตนว่าเป็นผู้เสียหาย ซึ่งในส่วนตรงนี้จะต้องมีการคุยกันรายบุคคล เช่นสมมติบ้านสร้างไป 20% แต่บริษัทฯ เบิกเงิน 50% ก็ต้องคุยกันว่า จะเอาเงินที่เบิกเกินคืน หรือให้ทำต่อ เพราะถ้าสร้างล่าช้า บริษัทจะต้องเสียค่าปรับอยู่แล้ว
ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยว่า วันนี้ทางผู้ประกอบการได้มาชี้แจงข้อมูล ผู้ประกอบการก็ยืนยันว่ามีบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จจริงประมาณ 10 – 20 หลัง ตนจึงให้ทางผู้ประกอบการคุยกับผู้เสียหายให้เรียบร้อย ว่าจะชดใช้โดยการทำบ้านให้ต่อ หรือชดใช้คืนเป็นเงินสด หรือจะอย่างไรก็ไปเคลียร์กัน
ส่วนผู้ประกอบการที่เอาข้อมูลมาให้นั้น เขายืนยันว่ารับทำบ้านมาทั้งหมดร่วม 2,000 หลัง จึงต้องเอาหลักฐานมาให้ตรวจสอบทุกชิ้น เอาเบอร์โทรศัพท์ของบ้านที่สร้างเสร็จมาด้วย จะได้โทรเช็ค ที่อ้างว่าทำเสร็จไป 2,000 กว่าหลังเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ถ้าไม่จริงตามที่อ้างค่อยมาคุยกัน และที่ทำแล้วทิ้งงานมีตรงไหนบ้าง ถ้าไม่อยากให้ผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีก็ต้องไปจบเรื่องนั้นให้ได้ เพราะถ้าผู้เสียหายมาร้องแจ้งความดำเนินคดี ตำรวจก็ต้องรับเรื่องตรวจสอบเป็นธรรมดา ต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย
ทางผู้ประกอบการยืนยันว่า ที่เขารับงานสร้างบ้านมา ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้วกว่า 90% ยังมีเหลือแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ที่ยังไม่เรียบร้อย แต่ฝั่งผู้เสียหายอ้างว่าบ้านที่ทำไปยังมีความเสียหายอยู่เป็น 100-200 หลัง ซึ่งยังไม่ตรงกัน เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนต้องตรวจสอบต่อ
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ย้ำว่าถ้ามีผู้เสียหายหลายรายมาแจ้งความก็เป็นคดีฉ้อโกงประชาชน. -420- สำนักข่าวไทย