จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ ผู้ต้องหา 21 คน

กทม.7 ธ.ค.- ตำรวจขยายผลจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ ในพื้นที่ภูธรภาค 5 และกรุงเทพฯ จับผู้ต้องหาชาวไทยและชาติได้ 21 คน เตรียมขยายผลจับเครือข่ายในต่างประเทศ และอายัดทรัพย์


ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์  21 คน มาสอบปากคำ แจ้งข้อหา และทำทะเบียนประวัติอาชญากร เป็นผลจากการปูพรมตรวจค้น 24 จุด ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 จำนวน 22 จุด และกรุงเทพฯ 2 จุด กลุ่มผู้ต้องหามีทั้งชาวไทยและต่างชาติ แบ่งเป็นระดับสั่งการ 1 คน คือนายอภิชาติ กัณตวิสิฐ ผู้ดูแลคอลเซ็นเตอร์ 2 คน พนักงานคอลเซ็นเตอร์ 15 คน ถูกแจ้งข้อหา ฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น นอกจากนี้ ยังมีชาวไต้หวันอีก 3 คน ถูกดำเนินคดีข้อหา มีไว้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ และอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด 


พลตำรวจโทธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ รักษาราชการ ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ย้ายฐานการกระทำผิดจากมาเลเซีย มาไทย และกัมพูชา แต่ละเครือข่ายมีความเชื่อมโยงกันมีระดับสั่งการในต่างประเทศ ว่าจ้างคนไทยเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ เพื่อหลอกลวงคนไทยด้วยกัน โดยจะสุ่มโทรศัพท์ไปยังประชาชน เป้าหมายหลักคือผู้สูงอายุ ตำรวจได้ปราบปรามเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ครั้งใหญ่มาแล้ว 4 ครั้ง สามารถขอศาลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้ 146 หมายจับ จับได้ 98 คน ผู้ต้องหาอยู่ต่างประเทศ 7 คน อยู่ระหว่างสืบสวนจับกุมอีก 41 คน อายัดทรัพย์ได้กว่า 120 ล้านบาท

พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า ได้ร่วมกับตำรวจพื้นที่ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ป.ป.ง.จับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศได้กว่าครึ่งแล้ว และจะขยายไปสู่การขอออกหมายจับผู้ต้องหาในต่างประเทศต่อไป วันนี้จะมีการส่งตัวคนไทยที่ไปกระทำผิดในกัมพูชา กลับมาดำเนินคดีเพิ่มเติมด้วย ขอย้ำประชาชนที่ถูกหลอกในลักษณะนี้ สามารถแจ้งตำรวจ อายัดบัญชีผู้ต้องหาเพื่อตามทรัพย์สินคืน 

ตำรวจยังทำการสาธิตการทำงานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในการโทรศัพท์หลอกลวงประชาชน มีลำดับขั้นตอนตั้งแต่การพูดจาล่อหลอก พูดให้ตกใจกลัว จนไปสู่การให้ผู้เสียหายโอนเงินไปยังบัญชีแก๊งคอลเซ็นเตอร์.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง