นายกรัฐมนตรีแจงโรงไฟฟ้าถ่านหิน”เทพา”


กรุงเทพฯ 2 ธ.ค.-นายกรัฐมนตรี ย้ำยังไม่ได้ตัดสินใจจะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน”เทพา”
วอนทุกฝ่ายดูข้อเท็จจริง พร้อมรับฟังทุกช่องทาง แจง กฟผ.
มีแผนป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อม การย้ายโรงเรียนมีผู้ยอมรับ  ในขณะที่แผนก่อสร้างก็ทำเพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้าและไฟฟ้าใต้ไม่ขาดแคลน


พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย
วันศุกร์ที่ 1 ธันวาคม 2560
โดยกล่าวว่า เรื่องโรงไฟฟ้าที่ภาคใต้
เป็นประเด็นสำคัญ ประเด็นร้อน ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
ไปดำเนินการให้ได้ข้อยุติปราศจากความขัดแย้ง
  
รัฐบาลไม่อยากจะดึงดันอะไรกับใครทั้งสิ้น เพราะต้องคำนึงถึงต้นทุนในการก่อสร้าง
พื้นที่ในการก่อสร้าง แล้วก็ความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้า หลายคนก็บอกว่าค่าไฟฟ้าแพง
อยากให้ค่าไฟฟ้าลดลง ค่าไฟฟ้าจะลดลงไม่ได้ถ้าการผลิตต่าง ๆ ไฟฟ้าจากพลังงานหลักนี่
มาจากส่วนกลาง หรือในภาคอื่น แล้วส่งลงไปพื้นที่ห่างไกล เพราะต้องบวกต้นทุนในเรื่องของการทำสายส่งเข้าไปด้วย
เพราะฉะนั้นต้นทุนจะเกิดจากแหล่งที่ก่อให้เกิดพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นแก๊ส เป็นน้ำมัน
เป็นถ่านหิน
 ลิกไนต์
อะไรก็แล้วแต่ แล้ววันนี้มีเทคโนโลยีมากมายที่จะแก้ปัญหาเดิม ๆ ได้
เพราะฉะนั้นนี่คือต้นทุนอันที่หนึ่ง อันที่สองคือเทคนิคในการก่อสร้างโรงงาน
ก็แพงขึ้นเครื่องไม้เครื่องมือก็แพงขึ้น อันที่สามคือสายส่ง
ซึ่งเหล่านี้จะทำให้บวกเข้าไปในค่าต้นทุน

“คราวนี้สมมุติว่าไปสร้างในพื้นที่ห่างไกล
ได้ก็จะลดในส่วนนี้ ไม่ต้องไปลากมาจากไกล ๆ ถ้ามีปัญหาอีก
ก็ทำให้เกิดปัญหาในเรื่องความพลังงาน เกิดไฟฟ้าตก ไฟฟ้าดับ จะทำอย่างไร หากไปซื้อมาจากต่างประเทศ
ซึ่งวันนี้ก็ซื้อได้ แต่ถ้าวันหน้าเขาขายน้อยลง หรือเขาตั้งราคาขายสูงขึ้น
แล้วเราจะทำยังไง จะมีคำตอบหรือไม่ว่า เราจะดูแลประชาชนเราได้อย่างไร
ก็อยากให้คำนึงถึงทุกมิติเหล่านี้  เหล่านี้คือต้นทุนการไฟฟ้าทั้งสิ้น ฝากทุกคนช่วยกันคิดด้วยแล้วกัน
  ผมก็ไม่ได้บอกว่า ต้องอย่างนี้
ต้องอย่างนั้น เพียงแต่ผมเสนอแนวทาง เสนอหนทางปฎิบัติ กระทรวงพลังงานเขามีหน้าที่ในการหาไฟฟ้า
หาพลังงาน มีกฎหมายของเขาด้วย
” พลเอกประยุทธ์ กล่าว

 


นายกรัฐมนตรีย้ำว่า  ทุกคนต้องฟังเหตุฟังผลซึ่งกันและกัน ที่ผ่านมา
ทางราชการมีการ บังคับใช้กฎหมาย เพราะไม่อยากให้ปัญหาลุกลามบานปลาย  ประชาชนก็ต้องเคารพกฎหมาย  การที่จะส่งข้อมูลอะไรถึงนายกรัฐมนตรี  ก็มีหลายช่องทาง พร้อมจะฟังทุกวัน
แล้วก็เรื่องไฟฟ้า ถ่านหินเทพา ไม่ว่าจะกระบี่ อะไรต่าง ๆ ข้อมูลมีทั้งหมด มีทั้ง
2 ทาง ทั้งภาคประชาชนและภาคราชการ  ทางรัฐบาลพร้อมจะตอบคำถามทุกคำถาม
แล้วก็ฟังทุกคน โดยเรื่องโรงไฟฟ้าก็มีประเด็นหลายประเด็นที่มีข้อสงสัย
  ซึ่งขณะนี้ไม่ได้พูดถึงว่าจะสร้างได้หรือไม่ได้   แต่ติดปัญหาที่มีข้อสงสัยได้แก่

 (1) การย้ายวัดและโรงเรียน
โดยเฉพาะโรงเรียนมูลนิธิอิตีซอมวิทยา
  ก็มีการหารือในพื้นที่ไปแล้ว
ว่าจะมีการเคลื่อนย้ายไปพื้นที่แห่งใหม่ จะห่างจากที่ตั้งเดิมไม่เกิน 5 กิโลเมตร
  ข้อมูล ส่วนหนึ่งที่ว่า 5 หมื่นคน มีความพอใจ
 ก็ไม่ทราบว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้นตรงนี้
 

(2) การโยกย้ายประชาชน  วันนี้ก็ยังไม่เกิดอะไรขึ้น เพราะยังไม่ได้เริ่ม
เพราะฉะนั้นถ้าผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม
  และเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว  ถึงจะไปเริ่มต้น  ก็ต้องไปดูเรื่องการเยียวยา
การดูแลที่อยู่อาศัย หรือค่าเยียวยาต่าง ๆ ให้เหมาะสม
  วันนี้ยังอยู่ในขั้นการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม
(
 EIA)
และผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ
 (EHIA )   

 (3)เรื่องสิ่งปลูกสร้างในทะเลจะกีดขวางการไหลของน้ำ
ทำให้เกิดการกัดเซาะชายฝั่งหรือไม่
วันนี้ก็ได้มีการพูดคุยกันล่วงหน้าไปแล้วในพื้นที่
  ประชาชนที่ฟังมีความเข้าใจ
ส่วนที่ไม่ฟังเหตุผลก็ไม่เข้าใจ  โดยมีการกำหนดมาตรการรองรับชัดเจน
เช่น การทำเขื่อนป้องกัน จึงไม่มีผลกระทบต่อการสัญจรทางเรือ ชีพประมง
และการกัดเซาะชายฝั่ง
   ซึ่งช่วงการก่อสร้างมันก็มีผลกระทบอยู่บ้างในช่วงแรก
พอสร้างเสร็จแล้ว ปลา สัตว์น้ำ ก็จะกลับเข้ามาอยู่ใหม่เหมือนเดิม
   ไม่ใช่หายไปหมด

(4) การใช้ถ่านหินคุณภาพดี ประเภท “บิทูมินัสและ ซับบิทูมินัสเป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ
ด้วยเรือบรรทุกแบบปิดที่เรียกว่า
  “ระบบปิดคลุมทุกอย่าง  ไม่มีการใช้ถ่านหินจากแหล่งในประเทศ
ที่มีการกล่าวอ้างกัน บอกว่ามีถ่านหิน
ลิกไนต์อยู่ในประเทศ  รัฐบาลต้องการตรงนี้เพื่อจะไปขุดถ่านหินลิกไนต์
เอามาใช้เอื้อประโยชน์กับนายทุนอีก
  เป็นคนละเรื่อง
ซึ่งข้อมูลไม่ตรงกันเลย
  เราใช้เทคโนโลยีใหม่ทั้งหมด
เท่าที่ผมศึกษาดูของโรงงาน เทคโนโลยีใหม่ทั้งหมด ซึ่งแก้ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม  กรณีที่แม่เมาะ จ.ลำปาง
  วันนี้เปลี่ยนเครื่องจักรเครื่องมือ
แล้วผมไม่เห็นมีปัญหาอะไร คนก็อยู่ได้ ปลา สัตว์ ต้นไม้ต่าง ๆ ก็อยู่ได้เป็นปกติ

 (5)
การใช้น้ำทะเลเป็นน้ำหล่อเย็น มีระบบกำจัดการสะสมของโลหะหนัก ที่ทุกคนเป็นห่วง
  มีการควบคุมการปรับคุณภาพน้ำ
ก่อนที่จะระบายสู่ทะเลธรรมชาติให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ประเภท 1 คือ
ไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ทางทะเล โดยเราก็ใช้สัตว์น้ำ อาทิ หอยแครง
  หอยแมลงภู่ เป็นตัวชี้วัดทางชีวภาพ
ณ จุดปล่อยน้ำ อันนี้ถ้าสร้างได้ก็ไปช่วยดูแล้วกัน มีตาย มีอะไรหรือไม่
อันนี้เป็นหลักการทางเทคนิค
 ขอให้เชื่อมั่นว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่ต้องการควบคุม
ด้วยเทคโนโลยีที่ศึกษามา

“ผมขออนุญาตนำเฉพาะประเด็นที่สงสัยกันมานำเสนอ
ให้ทุกคนได้พิจารณาร่วมกัน
  ส่วนรายละเอียดอื่น
ๆ นั้น หน่วยงานที่รับผิดชอบ กระทรวงพลังงาน และผู้ว่าราชการจังหวัดก็ต้อง
มีข้อมูลพร้อมตอบ และสร้างความเข้าใจ ฝากพี่น้องประชาชนที่เห็นด้วย
ช่วยกรุณาทำความเข้าใจกับผู้ไม่เห็นด้วยด้วย อย่าให้รัฐบาลต้องไปตัดสินเลย
ก็จะเป็นปัญหากระทบกระทั่งระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชนอีก
  แล้วเราก็จะถูกจับตามองอย่างที่ท่านกล่าวอ้าง   ข้าราชการ ประชาชน ภาคเอกชน
ก็ต้องร่วมมือหารือกัน เพราะว่าเราต้องพัฒนาไปสู่การมีแหล่งพลังงานที่เหมาะสม
เพียงพอเพื่ออนาคต เพราะเราจะลงทุนต่าง ๆ
 มากมาย ถ้าไฟฟ้าไม่พอ ไม่มั่นคง ติด ๆดับ ๆ
หรือไฟฟ้าตก
 อันนั้นอันตรายต่อไป
หรือหากอยากซื้อจากต่างประเทศทั้งหมด แล้วไม่มีการส่งพลังงาน
ท่อแก๊สมาจากต่างประเทศ
  ประเทศเพื่อนบ้าน
ไม่มีขายไฟฟ้าต่อไป เพราะว่าเขาเอาไว้ใช้ในประเทศของเขา เราจะทำอย่างไร
คิดอนาคตไว้ด้วย
”นายกรัฐมนตรีกล่าว
– สำนักข่าวไทย

 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ยกหารือเวที UN พรุ่งนี้

สวีเดน 26 ส.ค.-“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา หลังกัมพูชาใช้โล่มนุษย์ยั่วยุในพื้นที่ต่อเนื่อง เตรียมยกเรื่องนี้หารือเวที UN ที่เจนีวา พรุ่งนี้ ยันยังไม่ส่งทูตกลับ จนกว่าเขมรแสดงให้เห็นว่าจริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังการหารือทวิภาคีกับนางมารีอา มัลเมอร์ สเตเนอร์การ์ด (Maria Malmer Stenergard) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสวีเดน ถึงสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ที่มีการยั่วยุโดยใช้พลเรือนเป็นเครื่องมืออย่างต่อเนื่อง ว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่หน่วยงานในพื้นที่ต้องช่วยกันระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน เพราะเมื่อมีพลเรือนเข้ามาเกี่ยวข้อง ในการทำงานของทางทหารก็จะยากลำบาก อาจจะนำไปสู่การสร้างความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น ดังนั้นหน่วยงานที่เป็นพลเรือนในพื้นที่ก็จำเป็นจะต้องเข้ามาดูแลและแก้ไขสถานการณ์ตรงนี้ นายมาริษ กล่าวว่า ในการพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสวีเดน ตนได้อธิบายให้เข้าใจว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่กัมพูชาพยายามใช้ ซึ่งขัดต่อความตกลงในกฎบัตรสหประชาชาติเป็นอย่างมาก เหมือนกับใช้ประชาชนและพลเรือนเป็นโล่มนุษย์ เพื่อที่จะทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ซึ่งประเทศสวีเดนก็เข้าใจ และพรุ่งนี้ (27 ส.ค.) ตนจะมีโอกาสได้ชี้แจงกับที่ประชุม UN ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ตนจะยกประเด็นนี้ขึ้นแสดงความห่วงกังวลว่า การใช้วิธีเอาพลเรือนมาเป็นตัวกดดัน หรือมาสร้างความตึงเครียด หรือขยายความตึงเครียดบริเวณชายแดนมากยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ […]

พายุคาจิกิเริ่มแผลงฤทธิ์ถล่มหลายจังหวัดภาคเหนือ น่านยกระดับรับมือ

26 ส.ค. – พายุคาจิกิเริ่มแผลงฤทธิ์แล้ว หลายจังหวัดทางภาคเหนือมีฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก จนมีน้ำท่วมหลายพื้นที่ และต้องจับตาไปที่จังหวัดน่าน ซึ่งพายุคาจิกิเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่และเริ่มส่งผลกระทบตั้งแต่ช่วงค่ำวันนี้ ทำให้จังหวัดน่านยกรระดับมาตรการป้องกันและเตรียมรับมือกับน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม.-สำนักข่าวไทย

Gripen ที่จัดซื้อใหม่ประสิทธิภาพดีกว่าลำเดิมที่มีอยู่

สวีเดน 26 ส.ค. – แม้รัฐบาลไทยและสวีเดนได้ลงนามความร่วมมือซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตีกริพเพน E และ F ไปแล้ว แต่กว่าจะได้รับเครื่อง จะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 4 ปี ระหว่างนี้จะมีการวางกรอบพัฒนาร่วมกัน แน่นอนว่ารุ่นใหม่สเปกใหม่ดีกว่ารุ่นเก่าที่เรามี แตกต่างอย่างไร ติดตามจากรายงาน.-สำนักข่าวไทย

คนไทยรวมพลังร้องเพลงชาติกึกก้องบ้านหนองจาน

26 ส.ค. – ชาวไทยกว่า 500 คน รวมตัวร้องเพลงชาติ ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ บริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว แสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (26 ส.ค.68) ประชาชนไทยกว่า 500 คน มารวมตัวกันบริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ และร่วมกันร้องเพลงชาติไทย จนเสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพื่อแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย และพร้อมยืนหยัดเคียงข้างกองทัพในการปกป้องอธิปไตย ชาวบ้านยังจัดเตรียมอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็น ไปมอบให้ทหาร เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เข้าควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอความร่วมมือประชาชนที่มาร่วมชุมนุมให้อยู่ในแนวพื้นที่ที่กำหนดไว้เพื่อป้องกันการเผชิญหน้า “เจ๊เอ๋” ณัฐฐารินทร์ เกษมสารพิพัฒน์ เจ้าหนี้คนดัง บอกว่า วันนี้ประชาชนคนไทยต้องมาเผชิญหน้ากับชาวกัมพูชาด้วยตัวเอง เพราะผู้มีหน้าที่โดยตรงนิ่งเฉย ส่วนที่บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และพลโทวันชนะ สวัสดี นำคณะลงพื้นที่ พบมีชาวกัมพูชาสร้างบ้านเรือนรุกล้ำเขตไทย 18 หลัง […]