ทำเนียบฯ 21 พ.ย.-นายกฯ แจง ความจำเป็นในการปรับ ครม. เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมกำชับรัฐมนตรีในทุกกระทรวงให้เข้มงวดตรวจสอบข้อมูลในโซเชียลมีเดีย หากพบข้อมูลต่าง ๆ ผิดกฎหมายและให้ข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จ ต้องแจ้งความดำเนินคดี
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงในที่ประชุมถึงความจำเป็นในการปรับคณะรัฐมนตรี ว่า เพื่อให้การทำงานเกิดความฉับไว และมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งหากรัฐมนตรีคนใดถูกปรับออก ก็ขออย่ารู้สึกน้อยใจ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเองรู้สึกเสียใจมากกว่าคนอื่น เพราะต้องรับผิดชอบถึงความจำเป็นในการปรับครั้งนี้
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ในช่วงที่ผ่านมาได้ติดตามข่าวสารจากทุกสื่อฯ โดยเฉพาะการให้ข้อมูลข่าวสารผ่านทางโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะการพาดหัวข่าว ที่มักจะเป็นปัญหา โดยนายกรัฐมนตรีได้รับการประสานจากคณะกรรมการปฏิรูปในด้านต่าง ๆ หลายด้าน ไม่เฉพาะแต่ด้านสื่อสารมวลชน รวมถึงสถาบันพระปกเกล้า มีความเห็นที่สอดคล้องกันว่าทำไมรัฐบาลถึงไม่เข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย เพราะเรื่องสิทธิเสรีภาพในการสื่อสารของสื่อมวลชน มีกฎหมายและมีระเบียบที่ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นนายกรัฐมนตรีจึงกำชับรัฐมนตรีในทุกกระทรวง ให้ไปเข้มงวดกับหัวหน้าหน่วยงานในทุกกระทรวง ให้พิจารณาตรวจสอบข้อมูลในโซเชียลมีเดีย หากพบข้อมูลต่าง ๆ ผิดกฎหมายและให้ข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จ ก่อให้เกิดความสับสนวุ่นวายกับสังคมและละเมิดสิทธิของผู้อื่น หัวหน้าหน่วยงานนั้น ๆ จะต้องไปดำเนินคดีร้องทุกข์กล่าวโทษกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะไม่เช่นนั้น จะทำให้การใช้สื่อในโซเชียลมีเดีย เป็นสิ่งที่ไปละเมิดสิทธิของผู้อื่น และทำให้สังคมเข้าใจไขว้เขวให้สิ่งต่าง ๆ ได้
“นายกฯ เน้นย้ำตรงนี้ว่า ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะมาจ้องทำให้สื่อทำงานลำบาก วันนี้โลกสากลก็เป็นแบบนี้ ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย ทุกคนรู้สิทธิหน้าที่ของตัวเองดี แต่ถ้าเมื่อไหร่ไปละเมิดสิทธิของผู้อื่นและไม่ดำเนินการในลักษณะอย่างที่ว่านี้ ก็จะก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคม ไม่รู้จักจบจักสิ้น จึงย้ำอีกครั้งว่ารัฐบาลไม่ได้จ้องจะไปทำร้ายใคร แต่ทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย” พล.ท.สรรเสริญ กล่าว.-สำนักข่าวไทย
