กกต. 17 พ.ย.- กกต. ส่งหนังสือตอบกลับข้อหารือ ของ “เพื่อไทย – ประชาธิปัตย์” เกี่ยวกับการปฏิบัติตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พร้อมลงเผยแพร่ในเว็ปไซต์ของ กกต. ระบุ การยื่นเปลี่ยนแปลงสมาชิกพรรค การประชุมเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับพรรค ยังทำไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ ( 17 พ.ย.) เว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th ได้เผยแพร่หนังสือของ กกต. ที่ตอบกลับคำถามของพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย ต่อกรณีขอความชัดเจนในการปฏิบัติตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง โดย กกต.ได้ตอบยืนยันกับพรรคเพื่อไทยว่า การปฏิบัติของพรรคการเมือง ที่มีกรอบเวลากำหนดตามมาตรา 141 เช่น การยื่นเปลี่ยนแปลงสมาชิกพรรค การจัดให้มีทุนประเดิม 1 ล้านบาท การประชุมเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับพรรค จัดทำประกาศอุดมการณ์ทางการเมือง ถือเป็นการดำเนินกิจการในทางการเมือง จึงต้องห้ามมิให้ดำเนินการ เมื่อประกาศ คสช.ฉบับที่ 57/2557 ยังใช้บังคับอยู่ จึงยังไม่อาจดำเนินการได้
ส่วนการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส. หรือไพรมารี่โหวตในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรก หลังพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ใช้บังคับ หากพรรคการเมืองใดได้ตั้งสาขาพรรค หรือตัวแทนประจำจังหวัดไว้แล้วในจังหวัดใด พรรคการเมืองนั้นสามารถส่งผู้สมัครได้ทุกเขตเลือกตั้งในจังหวัดนั้น เนื่องจากบทเฉพาะกาลมาตรา 145 ยกเว้นไว้ให้ โดยสมาชิกที่เข้าร่วมประชุมคัดเลือกผู้สมัครต้องเป็นสมาชิกที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดนั้น แต่การเลือกตั้งหลังจากนั้น พรรคการเมืองต้องดำเนินการตามมาตรา 47 วรรคหนึ่ง ที่กำหนดว่าถ้าจะส่งผู้สมัคร พรรคต้องมีสาขาพรรคหรือตัวแทนประจำจังหวัดที่มีเขตพื้นที่รับผิดชอบในเขตเลือกตั้งนั้น โดยสาขาพรรคจะมีเขตพื้นที่และรับผิดชอบส่งผู้สมัครได้เฉพาะในเขตเลือกตั้งที่เป็นที่ตั้งสาขาพรรคการเมืองนั้นเท่านั้น
สำหรับในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ กกต.ได้ตอบกลับว่า การที่พรรคจะกำหนดเรื่อง การใช้สิทธิเลือกตั้งผู้สมัคร ส.ส.ของสมาชิกพรรค จะต้องมีการลงทะเบียน เพื่อขอใช้สิทธิเลือกตามวัน เวลา สถานที่ ที่คณะกรรมการสรรหากำหนด ก่อนวันที่หัวหน้าสาขาพรรคประจำจังหวัดจัดประชุม เพื่อลงคะแนนผู้สมัครไว้ในข้อบังคับพรรคสามารถทำได้
ส่วนสมาชิกพรรคที่ไม่ได้จ่ายค่าบำรุงพรรคประจำปี ก็มีสิทธิที่จะลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกผู้สมัครได้ เนื่องจากตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ได้กำหนดลักษณะของสมาชิกพรรคการเมืองไว้ 2 ลักษณะ คือ 1 สมาชิกพรรคการเมืองที่สมัครหลังกฎหมายนี้ใช้บังคับ ตามมาตรา 27 ต้องชำระค่าบำรุงพรรคการเมืองก่อนจึงเป็นสมาชิกพรรคได้ กับ 2. สมาชิกพรรคการเมืองก่อนกฎหมายใช้บังคับ ตามมาตรา 141(5) กฎหมายรับรองการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองของพรรคการเมืองตามมาตรา140 ไว้ แม้จะอยู่ในระหว่างระยะเวลา 4 ปี ถ้ายังไม่ชำระค่าบำรุงพรรคการเมือง ก็ยังเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอยู่ จึงมีสิทธิเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ทั้ง2 ลักษณะ และการจะจัดประชุมเพื่อลงคะแนนเลือกผู้สมัครแบบแบ่งเขต หรือแบบบัญชีรายชื่อ ก็ไม่จำเป็นต้องจัดพร้อมกันในวันเวลาเดียวกันก็ได้เพราะกฎหมายไม่ได้ห้าม
ทั้งนี้ หนังสือดังกล่าวลงนาม โดย พ.ต.อ. จรุงวิทย์ ภุมมา รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการ กกต. โดยก่อนหน้านี้ กกต.ได้มีการพิจารณาหนังสือขอหารือดังกล่าวของ 2 พรรคการเมือง ในการประชุม กกต. เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน และได้เห็นชอบให้รักษาการเลขาธิการ กกต. มีหนังสือตอบกลับไปยัง 2 พรรคการเมือง และเผยแพร่ลงเว็บไซต์ของสำนักงาน เพื่อที่พรรคการเมืองอื่นๆ มีข้อสังสัยในการปฏิบัติลักษณะเดียวกันก็จะได้เข้าไปศึกษา โดย กกต.ได้ส่งหนังสือตอบถึงพรรคการเมืองแล้วเมื่อวานนี้ (16 พ.ย.) .- สำนักข่าวไทย