สุราษฎร์ธานี 16 พ.ย. – วันนี้ “ตูน บอดี้สแลม” วิ่งเข้าเขตเมืองสุราษฎร์ธานีแล้ว โดยมีประชาชนร่วมส่งกำลังใจเป็นจำนวนมาก และหนึ่งในสถานที่สำคัญที่วิ่งผ่าน คือ รพ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็น 1 ใน 11 โรงพยาบาลศูนย์ ที่โครงการก้าวคนละก้าวเตรียมระดมเงินบริจาคให้จัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์
“ตูน บอดี้สแลม” ร้องเพลง “แสงสุดท้าย” ร่วมกับนักเรียน รร.สุราษฎร์พิทยา อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ขณะวิ่งระดมเงินบริจาคช่วยโรงพยาบาลในโครงการก้าวคนละก้าว เพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ ซึ่งได้วิ่งมาเป็นวันที่ 13 แล้ว รวมระยะทางกว่า 600 กม. จาก อ.เบตง จ.ยะลา มุ่งหน้าสู่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยเช้าวันนี้ได้วิ่ง 2 เซตรวด จาก อ.กาญจนดิษฐ์ เข้าเขต อ.เมืองสุราษฎร์ธานี รวมระยะทางกว่า 21 กม. โดยไม่ได้หยุดพัก เพื่อเร่งทำเวลาให้ถึงที่หมายโดยเร็ว เพราะการวิ่งค่อนข้างล่าช้ากว่ากำหนดมาก เมื่อวิ่งเข้าเขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานีแล้ว “ตูน” ต้องเผชิญกับมวลชนหลายหมื่นคนที่ยืนรอต้อนรับริมถนนตลาดใหม่ เป็นแถวยาวกว่า 5 กม. ซึ่งเป็นถนนเส้นหลักของเมืองสุราษฎร์ธานี แม้เจ้าหน้าที่ได้พยายามจัดระเบียบไม่ให้ยืนล้ำเส้นถนน แต่ยากที่จะจัดการกับมวลชนจำนวนนับหมื่นคนที่พยายามเข้ามาห้อมล้อมมอบเงินบริจาคและถ่ายรูป ทำให้ตำรวจต้องตัดสินใจปิดการจราจรบนถนนตลาดใหม่ชั่วคราว เพื่อให้ขบวนนักวิ่งวิ่งไปถึงที่หมายที่บริเวณที่ว่าการอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานีได้อย่างคล่องตัว
ที่ว่าการอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานีเป็นอีกจุดหนึ่งที่หลายภาคส่วนได้รวบรวมเงินบริจาคนำมามอบให้ “ตูน บอดี้สแลม” เบื้องต้นยอดเงินบริจาครวมกันไม่น้อยกว่า 600,000 บาท จากนั้นได้ออกวิ่งต่อเซตที่ 3 ผ่าน รพ.สุราษฎร์ธานี และ “ตูน” ได้แวะเข้าไปให้กำลังใจแพทย์และพยาบาลด้วย
รพ.สุราษฎร์ธานี เป็นโรงพยาบาลศูนย์ที่มีภาระดูแลผู้ป่วยในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน มีผู้ป่วยมาใช้บริการจำนวนมากเกินกว่าที่จะรองรับได้ ทำให้ต้องใช้พื้นที่ริมระเบียง ริมทางเดิน หน้าลิฟต์ หน้าห้องจ่ายยา และทุกที่ว่างของอาคาร เป็นที่วางเตียงผู้ป่วยอย่างแออัด
นพ.สุพจน์ ภูเก้าล้วน ผู้อำนวยการ รพ.สุราษฎร์ธานี ยอมรับว่า โรงพยาบาลมีความแออัด แต่ต้องพยายามรองรับผู้ป่วยให้ได้ ซึ่งความเป็นจริงสามารถรองรับผู้ป่วยนอกได้ 550 คน/วัน แต่ปัจจุบันต้องรับ 2,300 คน/วัน ส่วนผู้ป่วยในรองรับได้ 500 เตียง แต่ต้องรับผู้ป่วย 800 เตียง ซึ่งเกินความสามารถ แต่จำเป็นต้องรับ
นพ.สุพจน์ บอกว่า กระทรวงสาธารณสุขได้สนับสนุนงบประมาณแก่โรงพยาบาลทุกระดับอย่างเต็มที่ แต่มีวงเงินจากรัฐบาลที่จำกัด ยากที่จะพัฒนาและให้บริการการแพทย์ขั้นสูง แม้โรงพยาบาลจะได้รับงบประมาณให้สร้างอาคารใหม่ 3 อาคาร ซึ่งมีกำหนดสร้างเสร็จ 2-3 ปีนี้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะรองรับผู้ป่วยเพิ่มได้ เพราะครุภัณฑ์พื้นฐาน เช่น เตียงคนไข้ เสาน้ำเกลือ และอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆ กลับไม่ได้รับการสนับสนุน
ผู้อำนวยการ รพ.สุราษฎร์ธานี ขอบคุณ “ตูน บอดี้สแลม” ที่ทำให้คนไทยได้รับรู้ภาระหน้าที่ของแพทย์พยาบาล และเป็นแบบอย่างที่ดีในการส่งเสริมให้คนไทยร่วมกันออกกำลังกาย ซึ่งจะช่วยลดภาระของแพทย์พยาบาล และรายจ่ายของประเทศได้มาก โดยคาดหวังว่าจะได้รับเงินบริจาคจากโครงการก้าวคนละก้าวเป็นเงิน 74 ล้านบาท เพื่อนำมาจัดซื้อครุภัณฑ์ที่จำเป็น แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ รพ.พระมงกุฎเกล้าจะพิจารณา. – สำนักข่าวไทย