กรุงเทพฯ 9 พ.ย.-ปริญญาชี้ 6 คำถามนายกฯ เช็คกระแสประชาชนก่อนตัดสินใจตั้งพรรคการเมือง เตือนหากหนุนพรรคใดหรือลงมาเป็นคนเล่นเองจะเสียความเป็นกลาง
นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและความยั่งยืน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงคำถาม 6 ข้อของนายกรัฐมนตรี ว่า หากมองอย่างพื้น ๆ เหมือนเป็นการโยนหินถามทาง อยากรู้ว่าหากมีพรรคการเมืองใหม่ตั้งขึ้นประชาชนจะว่าอย่างไร และหากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จะเชียร์พรรคนี้คนจะว่าอย่างไร แต่ถ้ามองในชั้นที่สองคือหากประชาชนสนับสนุนพรรคที่คสช.เชียร์จะเกิดได้เลย ซึ่งต้องมองไปถึงการตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งด้วย เพราะ คสช.คุม ส.ว.เนื่องจากตัวเองเป็นคนแต่งตั้ง และยุทธศาสตร์ชาติที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) ใหม่ต้องปฏิบัติตาม หากไม่ทำก็ร้องกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ได้ ซึ่งเป็นมาตรการที่คสช.ยังคงคุมรัฐบาลหลังการเลือกตั้งได้
“ผมมีข้อกังวลใจคือ 1 ทั้ง 6 คำถามให้กระทรวงมหาดไทยสอบถามประชาชน ซึ่งอาจมีปัญหาเรื่องคำตอบว่าจะเที่ยงตรงหรือรับฟังอย่างเพียงพอหรือไม่ เพราะมหาดไทยเป็นคนของคสช. ซึ่งคำตอบที่ได้อาจจะถูกทักท้วงว่าไม่ชอบธรรม ที่จะมาใช้ในทางการเมือง การที่คสช.เชียร์พรรคใดพรรคหนึ่งนั้น ต้องไม่ลืมว่ารัฐธรรมนูญที่เป็นกติกาต่าง ๆ คสช.เป็นคนตั้งคณะกรรมการขึ้นมายกร่าง แล้วพอถึงเวลาจะแข่งขันตัวเองก็จะมาลงแข่งด้วย คสช.จะเสียสถานะความเป็นคนกลางไปในทันที” นายปริญญา กล่าว
นายปริญญา กล่าวว่า อำนาจของคสช.หลังการเลือกตั้งยังมีอยู่ต่อไปผ่านกลไกของส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งของคสช. และผ่านคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติที่จะทำในเรื่องการปฏิรูปอีก 5 ปี ถือว่ามีอำนาจมากอยู่แล้ว ถ้า คสช.ลงมาเป็นผู้เล่นเองหรือไปสนับสนุนพรรคการเมืองใดพรรคหนึ่ง ความเสมอภาคของการเแข่งขันในการเลือกตั้งจะถูกกระทบและกลายเป็นปัญหาไม่เชื่อมั่นกลไกรัฐที่คสช.ควบคุมอยู่ คำถามคือจะนำประเทศชาติกลับเข้าสู่สภาวะปกติได้จริงหรือ
“ถ้าคสช.ลงมาเล่นเอง แล้วชื่อเป็นนายกฯในบัญชีของพรรคการเมืองที่เสนอต่อประชาชน ถ้าประชาชนไม่เลือกเข้ามาตั้งแต่แรก ความชอบธรรมในการที่จะมาเป็นนายกฯคนนอกจากการใช้เสียง 2 ใน 3 ของรัฐสภาจะหมดไปในทันที คิดว่าคสช.ควรรักษาความเป็นคนกลางไว้ดีกว่า แต่ถ้าจะมีคนคสช.เข้าไปเป็นตัวแทนในพรรคการเมืองใด ควรจะลาออกจากการเป็นสมาชิกคสช.ก่อน แล้วให้พรรคเป็นผู้เสนอชื่อในบัญชีรายชื่อ” นายปริญญา กล่าว
นายปริญญา กล่าวว่า การตั้งคำถามเช่นนี้ของคสช.แสดงว่ายังเห็นว่าประชาชนมีความสำคัญ จึงใช้ประชาชนมาสร้างความชอบธรรม ขณะนี้เป็นการแข่งขันกันระหว่างการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง กับการเมืองที่มาจากการปฏิวัติ ซึ่งฝ่ายการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งจะเรียกร้องแต่ให้ปลดล็อคพรรคการเมืองอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องคิดด้วยว่าทำไมการเมืองที่มาจากการปฎิวัติจึงได้รับการสนับสนุนจากประชาชนให้อยู่ในอำนาจได้ถึง 3-4 ปี ซึ่งเท่ากับวาระของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งต้องปฏิวัติตัวเองเหมือนกัน เพื่อแย่งศรัทธาประชาชนคืนจากการเมืองที่มาจากการปฏิวัติให้ได้ เพราะถ้าประชาชนเห็นว่าการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งดีกว่า เชื่อว่าคสช.ต้องกลับกรมกองของตัวเอง
“ถ้าคสช.ปลดล็อคพรรคการเมืองช้า อาจถูกมองว่าเป็นเพราะพรรคการเมืองที่จะตั้งขึ้นใหม่ไม่พร้อมหรือไม่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องดี เพราะปลดล็อคช้าอาจทำให้เลือกตั้งช้า ไม่เป็นไปตามโรดแมป จริงอยู่มีคนที่ชอบและเชียร์นายกฯ แต่คนที่ไม่ชอบก็มี ซึ่งผมยังหวังว่าคสช.จะรับฟังคำทักท้วง และไม่ลงมาเป็นผู้เล่นเอง” นายปริญญา กล่าว.- สำนักข่าวไทย
![](https://imgs.mcot.net/images//2017/11/1510223991960.jpg)