กก.ปฏิรูปวางกรอบ 2 ประเด็นรองรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0

ทำเนียบฯ 8 พ.ย.- นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปเพื่อรองรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เน้น 2 ประเด็นหลัก คือการปฏิรูประบบราชการ และการเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21  มุ่งปลดล็อคปัญหาสำคัญ และสร้างรูปแบบใหม่ในการบริหารจัดการ  


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปเพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนตามนโยบายไทยแลนด์4.0 ครั้งที่ 1/2560 ณ ห้องประชุมตึกภักดีบดินทร์  ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งคณะกรรรมการประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิทั้งภาคราชการ เอกชน ประชาสังคม และวิชาการ โดยมีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เป็นฝ่ายเลขานุการ  คณะกรรมการมีหน้าที่กำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์การดำเนินการตามนโยบาย ไทยแลนด์4.0 พิจารณากำหนดหรือคัดเลือกแผนงานโครงการต้นแบบที่สอดคล้องต่อการดำเนินการ พร้อมทั้งกำกับติดตามเพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม     

นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมว่า ที่ประชุมได้พิจารณากรอบการดำเนินการปฏิรูปเพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ใน 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.การปฏิรูประบบราชการ และ 2.การเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 การปฏิรูประบบราชการ ประกอบด้วย 1.การปรับปรุงประสิทธิภาพการบริการภาครัฐ (Service Reform) 2.การพัฒนาและการรังสรรค์นวัตกรรมในรูปแบบใหม่ (Sandbox) 3.การปฏิรูปกฎหมาย (Regulatory Reform) และ 4.การเป็นรัฐบาลดิจิทัล (Digital Government)   


รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ด้านการปรับปรุงประสิทธิภาพการบริการภาครัฐ จะดำเนินการเร่งด่วนใน 4 เรื่อง ได้แก่ 1.การขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์สุขภาพของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยจะแก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบให้ยืดหยุ่นมากขึ้น และจัดตั้งกองทุนส่งเสริมผู้ประกอบการและสมุนไพร มุ่งลดคำขอคงค้างให้หมดภายในต้นปี 2562 ปรับการดำเนินการให้เร็วขึ้น ลดการนำเข้ายา เพิ่มการเข้าถึงยาและเพิ่มมูลค่าการผลิตเครื่องมือแพทย์  

2.การจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาของกรมทรัพย์สินทางปัญญา ที่จะแก้ปัญหา Backlog สิทธิบัตรการประดิษฐ์ให้หมดภายในปี 2563 พร้อมเพิ่มศักยภาพผู้ตรวจสอบสิทธิบัตร  3.การจดทะเบียนที่ดินของกรมที่ดิน ซึ่งคิวรังวัดมีขั้นตอนมากและการเข้าถึงข้อมูลที่ดินมีข้อจำกัด โดยจะแก้ไขกฎหมายเพื่อให้เจ้าของที่ดินแปลงข้างเคียงไม่ต้องเดินทางมาระวังชี้แนวเขต เพื่อลดภาระการชี้แนวเขต ลดข้อพิพาทและเวลารอคิวรังวัดจากเดิม 440 วัน ให้เหลือน้อยกว่า 60 วัน

4.การนำเข้าและส่งออกของกรมศุลกากร ที่มีขั้นตอน แบบฟอร์มมาก ซ้ำซ้อน ระยะเวลาดำเนินการนาน ค่าใช้จ่ายสูง และขาด National Single Window Operator ที่แท้จริง โดยจะพัฒนาโครงการต้นแบบในการเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานใน 4  สินค้ายุทธศาสตร์ของประเทศ ได้แก่ ยาง ข้าว อ้อยและน้ำตาลทราย วัตถุอันตราย และสินค้าแช่แข็ง โดยมุ่งลดภาระผู้นำเข้าส่งออกสินค้าปีละไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และลดภาระการผลิตแบบฟอร์มและค่าส่งเอกสาร  


นายสุวิทย์ กล่าวว่า สำหรับทางด้านการพัฒนาและการรังสรรค์นวัตกรรมในรูปแบบใหม่ จะพัฒนา 4 เรื่อง ได้แก่ 1.การแก้ไขพื้นที่ป่าและการใช้ประโยชน์พื้นที่จังหวัดน่าน และกลไกการบริหารจัดการ ที่มีข้อพิพาทการใช้พื้นที่ บุกรุกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ และภาคราชการไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทันท่วงที โดยจะให้พื้นที่จังหวัดน่านเป็นพื้นที่ทดลองการกำหนดการบริหารจัดการพื้นที่ป่าโดยบุคคลภายนอกและการส่งเสริมอาชีพเกษตรกร เพื่อลดการบุกรุกพื้นที่ป่าอนุรักษ์และส่งเสริมการเศรษฐกิจฐานชีวภาพ

2. Public School โรงเรียนที่ให้ภาคส่วนต่างๆ เข้ามาบริหารโดยรัฐยังคงเป็นเจ้าของ โดยจะกำหนดพื้นที่ทดลองให้การดำเนินนโยบายเป็นไปอย่างอิสระ จัดตั้งคณะกรรมการบริหาร Public School และดำเนินการในรูปแบบ Social Enterprise เพื่อสร้างนวัตกรรมในการจัดการศึกษา สร้างศักยภาพของนักเรียนและสร้างความร่วมมือในรูปแบบประชารัฐด้านการจัดการศึกษา แก้ไขคุณภาพการศึกษาของประเทศอยู่ในระดับต่ำ (PISA 2015) 3.พลังงาน (Smart City โดยเทคโนโลยี Smart Grid) มุ่งส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าใช้เอง สร้างความมั่นคงให้ระบบไฟฟ้า ส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าแบบกระจายศูนย์ ลดภาระการลงทุน มุ่งแก้ไขปัญหาที่ผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถผลิตไฟฟ้าใช้ได้เอง แต่ติดข้อกฎหมายและการไม่อนุญาตให้ซื้อขายไฟฟ้ากันเอง

4.หน่วยราชการ 4.0 (High Performance Organization : HPO) โดยขอยกเว้นกฎระเบียบ หลักเกณฑ์ เพื่อแก้ปัญหาความไม่คล่องตัวในการบริหารองค์กร มุ่งสู่องค์กรที่มีขีดสมรรถนะสูง ซึ่งมีหน่วยงานต้นแบบ 4 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กรมบังคับคดี และสำนักงาน ก.พ.ร.    

นายสุวิทย์ กล่าวว่า สำหรับการปฏิรูปกฎหมาย  มีข้อเสนอการแก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจ โดยแบ่งประเภทกฎหมายที่ต้องแก้ไขออกเป็น 4 กลุ่ม คือ 1.ข้อเสนอที่ต้องขอมติคณะรัฐมนตรี  2.ข้อเสนอที่ต้องมีการยกร่างกฎหมาย นำเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะรักษาความสงบแห่งชาติ 3.ข้อเสนอที่ส่งให้ศาลยุติธรรมพิจารณา 4.ข้อเสนอแนะที่จะส่งคณะทำงานยกร่าง พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ 

ส่วนด้านการเป็นรัฐบาลดิจิทัล หน่วยงานภาครัฐยังไม่มีความพร้อมในการเชื่อมโยงข้อมูล ประชาชน ไม่มีช่องทางขอรับเอกสารอิเล็กทรอนิกส์จากภาครัฐ และไม่มีหน่วยงานทำหน้าที่ทะเบียนกลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐ จึงจะจัดทำ Data Exchange Center และ Citizen Inbox ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนสามารถร้องขอเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ล่วงหน้าก่อนไปขอรับบริการได้ และหน่วยงานสามารถขอเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ตรงจากหน่วยงานอื่นได้หากประชาชนไม่ได้ขอเอกสารมาก่อน 

นายสุวิทย์ กล่าวว่า ในด้านการเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 ได้ให้ความสำคัญกับการปรับเปลี่ยน คนไทย 2 ด้าน ได้แก่ 1.Transition of Learning ปรับเปลี่ยนคนไทยให้ใฝ่เรียนรู้ มีกระบวนการคิดวิเคราะห์ตามหลักและเหตุผล สามารถสังเคราะห์บูรณาการข้อมูล มีทักษะด้านเทคโนโลยี สร้างนวัตกรรม และ 2.Transition of Culture ให้คนไทยพอเพียง มีวินัย สุจริต จิตสาธารณะ รับผิดชอบ โดยขับเคลื่อนให้เกิดการปรับเปลี่ยนสังคมไทยอย่างเป็นองค์รวม ซึ่งมีโครงการที่จะดำเนินการ เช่น โครงการ “ก้าวออกมากล้า” ที่จะมีการจัดกิจกรรมในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ และโครงการ “ทำดีเยี่ยงพ่อ” เป็นต้น เพื่อสร้างพลเมืองที่มีคุณภาพ ขับเคลื่อนสังคมไทยเป็นสังคมที่ Clean & clear, Free & fair, Caring & sharing  

นายสุวิทย์ กล่าวว่า ในการดำเนินการได้วางกลไกการทำงานโดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงนั้น ๆ ทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพหลัก และให้ส่วนราชการทำหน้าที่เป็นผู้ปฏิบัติ และมีคณะกรรมการชุดดังกล่าว และอนุกรรมการพัฒนาระบบราชการเกี่ยวกับการขับเคลื่อนระบบราชการ 4.0 เป็นที่ปรึกษาสนับสนุนการขับเคลื่อนการปฏิรูป เพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนตามนโยบายไทยแลนด์4.0 ต่อไป.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ว่าฯ สงขลา จัดคิวนายอำเภอรับ-ส่ง “เดชอิศม์” ทุกสัปดาห์

กทม. 18 ส.ค.-ผู้ว่าฯ สงขลา ทำหนังสือด่วน จัดคิวนายอำเภอ เวียนต้อนรับ-ส่ง “เดชอิศม์” สนามบินหาดใหญ่ ทุกสัปดาห์ นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ สข 0017.3/17839 เรื่อง ขอความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวก นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เรียน นายอำเภอเมืองสงขลา ด้วยจังหวัดสงขลาได้รับแจ้งว่า นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มีกำหนดเดินทางมาราชการในพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อตรวจราชการสำคัญตามนโยบายรัฐบาล และมีกำหนดเดินทางกลับไปปฏิบัติราชการ ณ กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 18 สิงหาคม 2568 โดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 3103 เวลา 08.25-09.50 น. เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จังหวัดสงขลาจึงขอให้ท่านดำเนินการ ดังนี้ 1. เชิญนายอำเภอเมืองสงขลา ร่วมส่งนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ณ ห้องรับรอง ท่าอากาศยานหาดใหญ่ […]

ดราม่า “ไข่เจียวปู 4,000” ถึงหูพาณิชย์

กรุงเทพฯ​ 18 ส.ค.​-“จตุพร” สั่งกรมการค้าภายในตรวจสอบประเด็น​ดราม่า​ “ไข่​เจียวปู” ร้าน​ Michelin Guide สูงถึง​จานละ 4,000 บาท​ จาก​ที่​แจ้งราคาในเมนู​ 1,500​ บาท ย้ำ​ไม่ตรงปกไม่ได้ กรณี “พีชชี่” ยูทูบเบอร์ชื่อดัง โพสต์เล่าประสบการณ์สั่งไข่เจียวปูร้านดังราคาเมนู 1,500 บาท แต่ถูกเก็บจริง 4,000 บาท กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ ล่าสุด นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า จะมอบหมายให้กรมการค้าภายใน ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะนี้​ยังไม่ได้รับรายละเอียด​ แต่โดยหลักการแล้ว ราคาที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคต้องตรงกับราคาที่ระบุในเมนู หาก “ไม่ตรงปก” จะบั่นทอนความเชื่อมั่นทางการค้า “การค้าขายจะยั่งยืนได้ต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจ หากผู้บริโภครู้สึกว่า​ ราคาไม่ตรงกับที่เห็นในเมนู ย่อมเสียความรู้สึก” นายจตุพรกล่าว เรื่องนี้เริ่มจาก “พีชชี่” โพสต์ผ่าน X เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ระบุว่าไปทานไข่เจียวปู ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยเพียงไม่กี่แห่งที่ได้รับการบรรจุใน Michelin Guide โดยเมนูระบุราคา 1,500 […]

“บิ๊กต่าย” ถกบอร์ดกลั่นกรอง เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร.

กรุงเทพฯ 17 ส.ค. – ผบ.ตร. นั่งหัวโต๊ะประชุมกลั่นกรองแต่งตั้งนายพลสีกากี เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร. ที่ห้องประชุม 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ตร. หรือ “บอร์ดกลั่นกรอง” พิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.-ผบก. โดยมี พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. และ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.สกพ. และเลขานุการ เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ […]

เสียงเรียกแห่งความอร่อย…ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วโบราณเชียงใหม่

เชียงใหม่ 17 ส.ค. – โดดเด่นไม่เหมือนใคร “ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วสูตรโบราณ” ของอาแปะตี๋อ้วน ที่แต่งกายแบบล้านนาโบราณ เดินหาบขายตามตลาดและย่านชุมชนใน จ.เชียงใหม่ มานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยใช้การตีกังสดาล หรือระฆังวงเดือน เรียกลูกค้า สะดุดตาผู้พบเห็น หลายคนติดใจในรสชาติและราคาที่ย่อมเยา จนมีลูกค้ามากมาย .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทอ.โชว์ความพร้อมของเครื่องบินโจมตี แอลฟาเจ็ต

กทม. 19 ส.ค.-ทอ.โชว์ความพร้อมของเครื่องบินโจมตี แอลฟาเจ็ต (Alpha Jet TH) หรือที่รู้จักกันในนาม “Hunter” “นักล่า ผู้พิฆาตไพรี” พร้อมเสิร์ฟไข่เบอร์ศูนย์ให้กับผู้รุกรานประเทศไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเพจกองทัพอากาศไทย ได้โพสต์ข้อความพร้อมปฏิบัติการของเครื่องบินโจมตีแอลฟาเจ็ต (Alpha Jet TH) ฝูงบิน 231 กองบิน 23 ระบุว่า พร้อมปฏิบัติการด้วยจิตใจที่ห้าวหาญของนักรบทางอากาศ และศักยภาพของเครื่องบินโจมตีแบบที่ 7 (Alpha Jet TH) ที่ได้รับการปรับปรุงขีดความ ให้มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถปฏิบัติการทางอากาศยุทธวิธีได้ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยสามารถใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายภาคพื้นได้อย่างแม่นยำ เพื่อดำรงให้กองทัพอากาศไทย มีความพร้อมในการรับมือต่อสถานการณ์ด้านความมั่นคง ในการพิทักษ์รักษาอธิปไตย ผลประโยชน์แห่งชาติ และปกป้องพี่น้องประชาชนให้ปลอดภัยจากการรุกรานของข้าศึกศัตรู ดังคำกล่าวที่ว่า “น่านฟ้าไทย จะไม่ให้ใครย่ำยี”.-313.-สำนักข่าวไทย

ทบ. แจงกระสุนฟอสฟอรัสขาว (WP) ไม่ใช่อาวุธเคมี

กองทัพบก 19 ส.ค.-ทบ. แจงกระสุนฟอสฟอรัสขาว (WP) ไม่ใช่อาวุธเคมี หลัง CMAC กัมพูชาเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนข้อเท็จจริง พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีนายเฮง รัตนา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา (CMAC) เผยแพร่ข้อมูลอ้างว่า ผู้เชี่ยวชาญของ CMAC ตรวจพบกระสุนปืนใหญ่ขนาด 155 มิลลิเมตร บรรจุสารฟอสฟอรัสขาว (White Phosphorus – WP) ในพื้นที่จังหวัดอุดรมีชัย พร้อมทั้งกล่าวหาว่าเป็นผลจากการยิงของกองทัพไทยในช่วงความขัดแย้ง 5 วัน และเป็นกระสุนที่มีลักษณะเป็นอาวุธเพลิงและก่อควันพิษ โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ปราศจากหลักฐานสนับสนุน และไม่มีน้ำหนักทางกฎหมาย พร้อมชี้แจงว่า กระสุนฟอสฟอรัสขาว (WP) มีวัตถุประสงค์หลักในการใช้สร้างควัน แสงสว่าง ระเบิด และเพลิง ไม่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มอาวุธเคมีตามอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมี (Chemical Weapons Convention – CWC) อีกทั้งไม่มีสนธิสัญญาระหว่างประเทศใดที่ห้ามการเก็บรักษาหรือการใช้งานกระสุนชนิดนี้ ประเทศไทยจึงสามารถเก็บรักษาและใช้ตามภารกิจทางทหารได้ภายใต้กรอบกฎหมายสากล ในส่วนของอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้อาวุธตามแบบบางชนิด (Convention […]

มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง

กทม.19ส.ค.-มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ หนองบัวลำพู ผงาดขึ้นอธิบดี พช. โยก “สยาม” นั่งพ่อเมืองปากน้ำ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง อาทิ นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นผู้ว่าฯ สมุทรปราการ นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าฯ บึงกาฬ เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าฯ ตาก เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เป็นผู้ว่าฯ ชลบุรี นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ […]

สตง. แจงหลังคว้าอันดับ 1 องค์กรอิสระโปร่งใสสูงสุด

19 ส.ค. – สตง. เคลื่อนไหว แจงหลังคว้าอันดับ 1 องค์กรอิสระโปร่งใสสูงสุด ปี 68 ระบุมีการเก็บข้อมูลอย่างรอบด้านและหลากหลายมิติ จากกรณีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) คว้าอันดับ 1 องค์กรอิสระโปร่งใสปี 2568 ด้วยคะแนนสูงถึง 94.64 จากการประเมิน ITA หรือการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 มีหน่วยงานภาครัฐเข้าร่วมทั้งสิ้น 8,317 หน่วยงาน และมีผู้ตอบแบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมากกว่า 1.35 ล้านความคิดเห็น สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ออกเอกสารเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว เนื้อหาใจความระบุว่า การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ใช้ในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการทุจริต ด้วยวิธีการส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐมีการดำเนินงานป้องกันการทุจริต โดยเป็นการดำเนินงานคู่ขนานกันไปกับมิติด้านการปราบปรามการทุจริต และมิติด้านการเสริมสร้างทัศนคติ ค่านิยมในความชื่อสัตย์สุจริต เพื่อให้การแก้ไขปัญหาการทุจริตในสังคมไทยเกิดผลสัมฤทธิ์ และเกิดความยั่งยืน โดยการประเมินเป็นเครื่องมือที่มีการเก็บข้อมูลอย่างรอบด้านและหลากหลายมิติ กำหนดระเบียบวิธีการประเมินผลที่เป็นไปตามหลักการทางสถิติ และทางวิชาการเพื่อให้ผลการประเมินสามารถสะท้อนสุขภาวะขององค์กรในด้านคุณธรรม และความโปร่งใสได้อย่างแท้จริง สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เข้าร่วมการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจำปี 2568 โดยในการประเมินนั้นมีการเก็บข้อมูล 3 ส่วน ดังนี้ ทั้งนี้ […]