5 พ.ย. – คดีฆาตกรรมอำพราง เกิดขึ้นในสังคมไทยค่อนข้างบ่อย ส่วนใหญ่เหยื่อมักจะหายตัวไปนานหลายเดือนหรือหลายปี ก่อนพบเป็นศพ ไปย้อนดู 3 คดีดังที่คล้ายกับคดีสาว 16 ปี
ย้อนไปเมื่อประมาณเดือนสิงหาคม มีคดีสะเทือนขวัญฆาตกรรมอำพรางนางสาวพลอยนรินทร์ ผลิผล อายุ 28 ปี หรือ “น้องพลอย” ที่หายตัวไปตั้งแต่เมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ผ่านไปกว่า 3 ปี มารดาของผู้สูญหายได้เข้าร้องเรียนว่าอาจมีการอุ้มฆ่า ตำรวจเดินหน้าคลี่คลายคดีเต็มกำลัง กระทั่งพบว่าผู้ก่อเหตุ คือ อดีตแฟนหนุ่ม เป็นอดีตทหารยศสิบเอก ทราบชื่อ นายพลกฤต วิเศษ หรือ “เอส” อายุ 29 ปี โดยอุ้ม “น้องพลอย” จากโรงงานแห่งหนึ่งในอำเภอท่าเรือ พระนครศรีอยุธยา ก่อนทำร้ายร่างกาย, บีบคอ และนำศพไปเผา ก่อนอำพรางฝังดินที่เขากะบุด อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี กระทั่งมีการสืบสวนสอบสวนจนผู้ต้องหารับสารภาพ และมีการดำเนินคดีกับนาย “เอส”
ส่วนอีกคดีที่เพิ่งจะจับกุมผู้ต้องหาได้เร็วๆ นี้ คือกรณีของ “ผอ.อ้อย” นางสาวจุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน ผอ.กองการศึกษา อบต.ชำ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งหายตัวไปนานกว่า 4 เดือน โดยญาติได้ออกกันค้นหาอย่างเต็มที่และร้องเรียนว่าอาจมีการถูกอุ้ม จนท้ายที่สุดจึงพบโครงกระดูกที่บริเวณเนิน 500 บ้านโนนสูง อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี จากการสืบสวนสอบสวน, เทียบเคียงผลตรวจ DNA และหลักฐานต่างๆ จึงทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือ ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือ “ผู้กองเหน่ง” ที่สนิทสนมกับผู้ตาย จึงแจ้งข้อกล่าวหารวมทั้งหมด 11 กระทง แม้ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธแต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้ประกันตัว และอยู่ระหว่างฝากขังที่เรือนจำกันทรลักษ์ เพื่อรอพิจารณคดี
ส่วนคดีฆาตกรรมอำพรางสะเทือนขวัญที่หลายคนจำกันได้ คือกรณีการหายตัวไปของ 2 สามีภรรยา “นุ่มจุ้ย” ที่อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี โดยคดีนี้เกิดเป็นคดีความเมื่อปี 2555 เมื่อมีการร้องเรียนจากญาติว่า 2 ผัวเมีย “นุ่มจุ้ย” สูญหายนานกว่า 3 ปี เจ้าหน้าที่พบว่าผู้ต้องสงสัยคือ พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ กระทั่งมีการขุดค้นที่ไร่เพื่อหาหลักฐาน แต่ทว่ากลับเจอโครงกระดูกเพิ่มเติม เป็นแรงงานเมียนมา ชื่อ “อีต้า” กระทั่งสืบสวนสอบสวนพบว่า นายแพทย์สุพัฒน์ เป็นผู้ก่อเหตุจ่อยิง “อีต้า” ก่อนฝังดินเมื่อปี 2547 กระทั่งปี 2558 มีคำพิพากษาให้ประหารชีวิตนายแพทย์สุพัฒน์ แต่จำเลยได้หลบหนีไปกบดานที่เมียนมา และเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีการส่งตัวกลับไทยเพื่อรับโทษประหารแล้ว. -สำนักข่าวไทย