กลุ่ม ปตท.คาดราคาน้ำมันปีหน้าใกล้เคียงกับช่วงนี้

กรุงเทพฯ 31 ต.ค. – ปตท.คาดราคาน้ำมันขายปลีกปีหน้าจะใกล้เคียงช่วงนี้ มองโอเปกขยายเวลาลดกำลังผลิตต่อส่งผลปีหน้าราคาน้ำมันดูไบเฉลี่ย 52-57 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ด้าน สนพ.เตรียมหารือคลังแก้อุปสรรค Energy Storage




นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวในงานสัมมนา “2017 The Annual Petroleum Outlook Forum” โดยทีมวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันของกลุ่ม ปตท.หรือ PRISM ร่วมกับกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ว่า  การติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันเพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจการลงทุนของภาครัฐ/เอกชน ซึ่งปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีหรือ Disruptive Technology จะมีบทบาทมากขึ้น

ทั้งนี้ ทีม PRISM ได้คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบปี 2561 เฉลี่ยอยู่ที่ 52-57 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2560 ที่คาดว่าราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 45-55 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่คาดว่าการใช้น้ำมันทั้งโลกจะขยายตัวที่ 1.4-1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นผลจาก 3 ปัจจัย คือ 1.เศรษฐกิจโลกที่คาดว่าปี 2561 จะโตร้อยละ 3.7 จากปีนี้ที่โตร้อยละ 3.6 ปัจจัยที่ 2 คือ เทคโนโลยีที่แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) จะโตก้าวกระโดดแต่ก็มีรถดังกล่าวทั่วโลกเพียง 2 ล้านคัน คิดเป็นร้อยละ 0.1 ของรถทั่วโลกเท่านั้น เพราะยังมีราคาสูงวิ่งได้ระยะสั้น จึงยังไม่มีนัยสำคัญในการลดใช้น้ำมัน และ 3. นโยบายสิ่งแวดล้อมที่ยังไม่ชัดเจนในการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกมากน้อยเพียงใด

กลุ่ม PRISM ประเมินราคาน้ำมันดิบดูไบปี 2561 ไว้ 2 กรณี คือ กรณีที่กลุ่มโอเปกและนอกโอเปกหารือวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ และมีมติต่อมาตรการลดกำลังผลิตไป 1.8 ล้านบาร์เรล/วัน ไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2561 ราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 50-55 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล กรณีที่ 2 ลดกำลังผลิตถึงเดือนธันวาคม 2561 จะอยู่ที่ 52-57 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล สาเหตุที่ราคาที่ไม่ได้สูงมากนัก เพราะยังคงมีสหรัฐที่จะยังคงผลิตน้ำมันจากขั้นหินดินดานหรือเชลล์ออยล์และทำให้คาดว่าการผลิตน้ำมันปี 2561 จะขยายตัวประมาณ 1.7-2 ล้านบาร์เรลต่อวัน 


นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย ปตท. กล่าวว่า หากราคาน้ำมันดิบดูไบ 50-57 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ก็ประเมินว่าราคาขายปลีกจะใกล้เคียงกับราคาปัจจุบันเพราะขณะนี้ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 55เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และจากการประเมินจีดีพีปีหน้าของไทยจะอยู่ที่ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 3 จึงคาดว่าความต้องการใช้น้ำมันในประเทศปี 2561 จะโตร้อยละ 1-2 จากปีนี้โต ร้อยละ 1.5 

ดังนั้น ปตท.ยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนด้านสถานีบริการน้ำมันและโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยการสร้างปั๊มใหม่จะคงอยู่ 150 แห่งต่อปี ในส่วนนี้จะเป็นการขยายเพื่อบริการความต้องการใหม่ที่เพิ่มขึ้นและทดแทนปั๊มเก่าที่ปิดลง 40-50 แห่ง โดยคาดว่าปีหน้าจะมีปั๊มน้ำมัน 1,600 แห่ง ส่วนการสร้างโซลาร์รูฟท็อปในปั๊มน้ำมันคาดว่าจะเริ่มปี 2561 จากเดิมที่จะทำปีนี้ เพราะการสร้างจะเน้นไปยังที่ปั๊มใหม่ เพราะโครงสร้างพื้นฐานทำได้ทันที

นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ส.อ.ท. กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบปี 2561 แม้จะปรับเพิ่มขึ้นยังเป็นไปในกรอบที่แคบ ๆ เนื่องจากสหรัฐเริ่มกลับมาผลิต Shale Oil เพิ่มขึ้นในขณะนี้ แม้ว่าโอเปกจะลดกำลังการผลิตลง นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่ต้องติดตาม เช่น การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่จะก้าวไปได้เร็วเพียงใด โดยเฉพาะแบตเตอรี่สำรองในรถไฟฟ้า นโยบายการเมืองที่หลายประเทศอาจมีการเปลี่ยนแปลงจากการเลือกตั้ง โดยคาดว่าความต้องการน้ำมันจะขยายตัวไปอีก10-20 ปีข้างหน้าแม้อีวีจะเริ่มเข้ามามีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น

นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน หรือ สนพ. กล่าวว่า เทคโนโลยีใหม่ ทำให้การใช้พลังงานทดแทนขยายตัวรวดเร็ว เช่น ราคาไฟฟ้าจาก Solar rooftop จะใกล้เคียงจากไฟฟ้าในระบบที่ 3.20 บาท ใน 1-2 ปีนี้ และเพื่อสร้างความมั่นคงของระบบ ก็ต้องส่งเสริมระบบกักเก็บพลังงานหรือ Energy Storage ที่ใช้แบตเตอรี่ควบคู่ไปด้วย ดังนั้น ต้องพิจารณาว่าจะแก้อุปสรรคอย่างไร เช่น ปัจจุบันแบตเตอรี่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต ก็ต้องหารือกับกระทรวงการคลังจะแก้ปัญหาอย่างไร เพราะไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นต้นทุนค่าไฟฟ้า.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

ศึกชิงทำเนียบขาว 2024 : ส่องทิศทางแห่งอำนาจ “รัฐบาลทรัมป์ 2.0”

รายงานพิเศษวันนี้ไปติดตามสิ่งที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัญญาหาเสียงเอาไว้ ที่จะทำให้พอเห็นทิศทางการครองอำนาจของเขา โดยมีหลายอย่างที่จะสร้างความสั่นสะเทือนอย่างมาก

พาชมเรือใบอิตาลีจอดเทียบท่าภูเก็ต

เมื่อ 2 วันก่อน สำนักข่าวไทยเก็บภาพของเรืออเมริโกเวส ปุชชี่ ขณะกำลังจะเข้าจอดเทียบท่าที่จังหวัดภูเก็ตให้ได้ชมไปแล้ว วันนี้คุณเพลินพิศ ชูเสน จะพาไปทำความรู้จักเรือลำนี้ให้มากขึ้นพร้อมกับพาไปเยี่ยมชมภายในตัวเรือ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

นายกฯ เผยผลสำเร็จร่วมประชุมเวทีอนุภูมิภาค GMS ACMECS

“แพทองธาร” นายกฯ เผยผลสำเร็จร่วมประชุมเวทีอนุภูมิภาค GMS ACMECS ขับเคลื่อนความร่วมมือสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต การพัฒนาคุณภาพชีวิต และความกินดีอยู่ดีของประชาชนในภูมิภาคอย่างไร้รอยต่อ