กรุงเทพฯ 20 ต.ค. – รัฐบาลให้ความสำคัญปัญหาหนี้สินเกษตรกร โดยใช้กลไกของคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) ที่ตั้งขึ้นตาม ม. 44 มอบหมาย ธ.ก.ส.ดูแลแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรรายที่จำเป็นเร่งด่วน
นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส.ให้ความช่วยเหลือเกษตรกรลูกค้าที่ประสบปัญหาด้านการผลิตและปัญหาอื่น ๆ ส่งผลกระทบต่อความสามารถชำระหนี้ตามลำดับ โดย ธ.ก.ส.จะเข้าไปพบลูกค้า เพื่อหารือแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างเหมาะสมกับสภาพปัญหาแต่ละราย อาทิ การผัดผ่อนเวลาชำระหนี้ การปรับโครงสร้างหนี้ เป็นต้น เพื่อแบ่งเบาภาระเกษตรกร ซึ่งจะมีการกำหนดเวลาชำระหนี้ ให้เหมาะสมสอดคล้องกับรายได้
สำหรับเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส.ที่เป็นสมาชิก กฟก.และเป็นผู้มีรายได้น้อยไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด รวมทั้งเป็นหนี้อยู่ในหลักเกณฑ์ที่ ครม.มีมติให้ความช่วยเหลือเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2553 โดยกำหนดหลักเกณฑ์ต้องเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 มีหนี้ต่อรายไม่เกิน 2.5 ล้านบาท และมูลเหตุแห่งหนี้เป็นหนี้ที่เกิดจากความสุจริตจำเป็น กู้เงินเพื่อนำมาใช้ในวัตถุประสงค์การเกษตร สำหรับการช่วยเหลือ กฟก.จะชำระหนี้แทนสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้และรับโอนหนี้ดังกล่าวไปเป็นลูกหนี้ของ กฟก. ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา กฟก.ชำระหนี้แทนเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส.ไปแล้ว 3,318 ราย จำนวนเงิน 825 ล้านบาท ซึ่งการช่วยเหลือตามแนวทางดังกล่าวที่ผ่านมามีปัญหาอุปสรรค หลายประการ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงแต่งตั้งคณะกรรมการฯ กฟก.เฉพาะกิจ เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรรายที่จำเป็นเร่งด่วนให้มีความคืบหน้า โดยมอบหมายให้ ธ.ก.ส.เร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกรที่มีรายได้น้อย ไม่สามารถชำระหนี้และอยู่ในหลักเกณฑ์ตามมติ ครม.วันที่ 7 เมษายน 2553 จำนวน 1,150 ราย ทั้งนี้ หนี้ดังกล่าว ธ.ก.ส.ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเต็มจำนวนแล้ว การดำเนินการตามมติ ครม. จึงไม่ส่งผลต่อฐานะทางการเงินของ ธ.ก.ส.แต่อย่างใด
สำหรับการช่วยเหลือครั้งนี้ ธ.ก.ส.จะประสาน กฟก. ซึ่งได้รับจัดสรรงบประมาณจำนวนหนึ่งแล้ว ดำเนินการชำระหนี้แทนเกษตรกรที่มีคุณสมบัติถูกต้องตามหลักเกณฑ์งวดแรก 716 ราย จำนวนเงินประมาณ 130 ล้านบาท ส่วนเกษตรกรที่มีปัญหาเร่งด่วนที่เหลือ 434 ราย อยู่ระหว่างดำเนินการคณะกรรมการ กฟก.เฉพาะกิจจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือต่อไป ซึ่งอาจจะใช้แนวทางตามมติ ครม.วันที่ 7 เมษายน 2553 โดยรัฐจัดสรรงบประมาณ ให้ กฟก.ชำระหนี้แทนเกษตรกร หรือจะใช้มาตรการแนวทางที่ ธ.ก.ส. มีอยู่ในปัจจุบันจะสามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้เช่นกัน โดยจะเร่งรัดดำเนินการอย่างรวดเร็วต่อไป.-สำนักข่าวไทย