สมุทรปราการ 20 ต.ค.- กระทรวงพาณิชย์ระบุโครงการสวัสดิการแห่งรัฐช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนให้มีความคึกคัก ดึงประชาชนหันมาซื้อสินค้าผ่านร้านค้าชุมชนมากขึ้น ปลื้มยอดเงินสู่ระบบมากกว่า 1,600-1,700 ล้านบาท
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่ากากรระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ตรวจการจำหน่ายของร้านธงฟ้าประชารัฐและการซื้อสินค้าของผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในชุมชนย่านสำโรง พบว่าผู้มีรายได้น้อยเดินทางมาเลือกซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคกันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะน้ำมัน น้ำปลา ข้าวสาร อาหารแห้ง อาหารกึ่งสำเร็จรูป และเครื่องปรุงรส โดยส่วนใหญ่จะรีบซื้อสินค้าเต็มวงเงิน ถือว่าช่วยให้เศรษฐกิจชุมชนมีความคึกคัก เพราะร้านค้าปลีกในชุมชนมียอดขายเพิ่มขึ้นเท่าตัว โดยยอดขายจากวันละ 2,000-3,000 บาท เพิ่มขึ้นเป็นวันละ 10,000 บาท และทำให้ประชาชนหันมาซื้อสินค้าจากร้านค้าในชุมชนมากขึ้นถึงวันละ 70 คน และร้านค้าต้องสตอกของเพิ่มขึ้น โดยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสามารถซื้อสินค้าในกลุ่มอุปโภคบริโภคทุกชนิดและทุกตราสินค้า ยกเว้นกลุ่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ รวมทั้งสุรา และสินค้าฟุ่มเฟือย โดยผู้มีรายได้เองมีความพึงพอใจกับโครงการดังกล่าว เพราะช่วยลดค่าใช้จ่ายการดำรงชีพได้
นายสนธิรัตน์ ยอมรับพบปัญหาบ้างในเรื่องของระบบอินเทอร์เน็ตที่ขัดข้อง ทำให้การคำนวณเงินล่าช้า โดยเฉพาะช่วงที่มีผู้ซื้อสินค้าจำนวนมาก ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้ร้านธงฟ้าประชารัฐให้ข้อมูลผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ ใช้ให้ถูกตามเงื่อนไขและวัตถุประสงค์ พร้อมกำชับร้านค้าให้จำหน่ายสินค้าตามกฎเกณฑ์ที่รัฐกำหนด และตั้งวัตถุประสงค์ไว้ หากพบร้านใดฉวยโอกาสหรือดำเนินการไม่ตรงตามวัตถุประสงค์จะดำเนินการตามกฎหมายและตัดสิทธิ์การเข้าร่วมโครงการทันที
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สามารถติดตั้งเครื่องอีดีซีให้ร้านธงฟ้าประชารัฐกว่า 6,000 -7,000 แห่งทั่วประเทศ คาดว่าปลายเดือนนี้จะสามารถติดได้กว่า 8,000 แห่ง และเกือบ 20,000 แห่งภายในเดือนหน้า และมอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าดึงร้านค้าที่มีความพร้อมทุกด้านยกระดับร้านธงฟ้าประชารัฐให้เป็นร้านค้าต้นแบบการให้บริการอย่างน้อย 20-30 ร้านค้าทั่วประเทศ และเท่าที่ได้รับรายงานมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจฐานรากตามโครงการนี้ในช่วง 19 วัน มากกว่า 1,600-1,700 ล้านบาท และจะสรุปรายงานผลการดำเนินโครงการนี้ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีทราบต้นเดือนหน้าได้ต่อไป. – สำนักข่าวไทย