ธปท. 19 ต.ค. – ผู้ว่าธปท. ยืนยันไม่ปรับกรอบเงินเฟ้อ
คาดเข้าสู่กรอบเป้าหมายช่วงต้นปี-กลางปี2561 เผยไอเอ็มเอฟ
ห่วงความเสี่ยงการลงทุนตราสารหนี้เรตติ้งต่ำพุ่ง
นายวิรไท
สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.
ยืนยันยังไม่จำเป็นต้องปรับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 1-4
และจะยังคงอัตรานี้ไปถึงปีหน้า แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อในปีนี้จะยังอยู่ในระดับต่ำก็ตาม
โดยธปท.เชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อ จะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงต้นปีถึงกลางปี 2561
“ธนาคารกลางทุกประเทศเริ่มมองเป้าหมายเงินเฟ้อที่ยืดหยุ่นมากขึ้น
จากที่กำหนดเป็นตัวเลขอย่างชัดเจน เปลี่ยนมากำหนดเป็นช่วง และมองว่าการเข้าสู่กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อจะช้ากว่าที่คาด
ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกันทุกประเทศ” นายวิรไท กล่าว
ส่วนการเคลื่อนไหวของเงินบาท
เงินบาทตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน กลับมาเคลื่อนไหวสอดคล้องกับค่าเงินในภูมิภาค
หลังจากช่วงที่ผ่านมาแข็งค่ากว่าภูมิภาค ซึ่งการเคลื่อนไหวของเงินบาทสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจไทย
หลังจากมีการปรับอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น
ผู้ว่าธปท.ยังกล่าวถึงผลการประชุมกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
(ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ประจำปี 2017 ระหว่างวันที่ 13-15 ตุลาคมที่ผ่านมาที่กรุงวอชิงตัน
ดี.ซี.สหรัฐอเมริกา ว่า
ไอเอ็มเอฟกังวลถึงความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ แม้จะไม่สูงถึงขั้นให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ
แต่นักลงทุนกล้าเสี่ยงที่จะลงทุนในตราสารที่มีเรตติ้งต่ำมากขึ้น
โดยพบว่าการลงทุนในตราสารที่มีเรตติ้ง BBB เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 25 เป็นร้อยละ 45-50
และพบว่ามีบางประเทศที่เคยผิดนัดชำระหนี้ มาออกตราสารระดมทุนใหม่ เช่น แอฟริกา และเป็นออกตราสารหนี้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นจำนวนมาก
แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมการแสวงหาผลตอบแทนสูงที่มีมากขึ้น แต่ประเมินความเสี่ยงต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจโลกนั้นไอเอ็มเอฟ
มองว่าเศรษฐกิจโลกมีสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นแบบกระจายตัว
และมีความมั่นคงกว่าปีที่ผ่านมา ไอเอ็มเอฟจึงมีการปรับประมาณการระหว่างปีเป็นครั้งแรกในรอบ
6-7 ปี โดยคาดว่าจีดีพีโลกปีนี้ขยายตัว ร้อยละ3.6 และปีหน้าโตร้อยละ 3.7 ซึ่งเมื่อเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวดีขึ้น
ก็จะเป็นผลดีต่อการค้าและการส่งออกของไทย แต่ยอมรับต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงด้านแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของประเทศหลัก
อาจส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของประเทศเกิดใหม่สูงขึ้น ความขัดแย้งระหว่างประเทศ นโยบายการกีดกันทางการค้าและการปฎิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจและการเงินของจีน
ที่อาจกระทบต่อการค้าโลก รวมถึงความเสี่ยงด้านไซเบอร์ทางการเงิน.-สำนักข่าวไทย
