ดีเอสไอ 11 ต.ค.-กองปราบปราม ส่งตัว ‘สุภัตทา’ ผู้ต้องหาอ้างเป็นรัชทายาทมอญ ให้ดีเอสไอสอบ
วันนี้(11ต.ค.)เวลาประมาณ 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนางสุภัตทา จันทรรังสี ในฐานะประธานกรรมการบริษัท ฮัจยี กรุ๊ป จำกัด (ไทย)1 ใน 3 ผู้ต้องหาที่ถูกดีเอสไอออกหมายจับมาควบคุมตัว และสอบปากคำที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ จากพฤติการรวมตัว อ้างเป็นรัชทายาทมอญ หลอกลวงประชาชนให้หลงเชื่อร่วมลงทุนรายละ 2-3 แสนบาท เพื่อไปลงทุนโครงการเมกะโปรเจ็คในเมืองมอญ และเหมืองทองคำในประเทศเพื่อนบ้าน โดยก่อนหน้านี้ตำรวจและดีเอสไอ ได้จับกุมนายโกสินธ์ จินาอ่อน บรรณาธิการนิตยสารแอดมินเพจและผู้สื่อข่าวท้องถิ่น1ใน 3ผู้ต้องหาได้แล้ว ส่วนผู้ต้องหาอีก 1 คน คือ นายกอว มินต์อู หรือ “เทพโยธิน มหาทุน” ไหวตัวทันหนีข้ามไปฝั่งพม่าด้านชายแดน อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า นางสุภัตทา ถือเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญในขบวนการนี้ โดยคืนนี้จะนำตัวไปควบคุมบนตึกดีเอสไปเพื่อทำการสอบสวน โดยจะเน้นการสอบไปยังประเด็นเครือข่ายโครงสร้าง ข้อมูลของขบวนการ หลังจากวันนี้ได้เรียกผู้เสียหาย และพยานปากสำคัญรายรายในคดีนี้มาสอบแล้ว รวมถึงเปิดโอกาสให้ชี้แจงความบริสุทธิ์ของตัวเอง พร้อมกันนี้เตรียมประสานข้อมูลกับ ปปง.เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ต้องหาเพื่อนำไปสู่การอายัดเงิน
ทั้งนี้ เบื้องต้นดีเอสไอได้แจ้งจับใน 2 ฐานความผิด คือร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา และร่วมกันเผยแพร่ หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูล คอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และเตรียมแจ้งดำเนินการในฐานความผิด ฟอกเงิน และรวมตัวเป็นเครื่องข่าย ลักษณะองค์กรอั้งยี่ หรือซ่องโจร รวมทั้งเข้าข่ายเป็นขบวนการหลอกลวงข้ามชาติ เพิ่มเติมด้วย
ส่วนจะมีการดำเนินการเอาผิด กรณีหมิ่นเบื้องสูงตามมาตรา 112 ด้วยหรือไม่ ดีเอสไอขอรวบรวมเอกสารหลักฐานเพื่อความชัดเจนอีกครั้ง ซึ่งตามกฎหมายดีเอสไอ มีสิทธิ์ควบคุมตัวนางสุภัตทา ได้ 48 ชั่วโมง ก่อนจะไปขออำนาจศาลฝากขังต่อไป โดยดีเอสไอจะยื่นขอคัดค้านการประกันตัว
ส่วนนายกอว มินต์อู ผู้ต้องหาอีก 1 รายที่หลบหนีไป ขณะนี้ตำรวจที่อยู่ในพื้นที่ชายแดน ได้ประสานความร่วมมือกับตำรวจ และทหารของทางการเมียนมา และรายงานว่า นายกอวยังหลบหนีอยู่ในเมียนมา และไม่ว่าจะหลบหนีอยู่ในพื้นที่ใดหากเจอตัวก็จะถูกจับกุมตัวได้ทันที เชื่อว่าจะได้ตัวมาดำเนินคดีเร็วๆนี้อย่างแน่นอน สำหรับมูลค่าความเสียหายในคดีนี้ที่ประเมินไว้เบื้องต้น 300 ล้านบาท หลังจากสอบสวนได้ข้อมูลเพิ่มเติ่มเชื่อว่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
พ.ต.ต.สุริยา กล่าวด้วยว่า ในวันพรุ่งนี้ (12 ต.ค.) คาดว่าจะสามารถจับกุม และนำตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำเพิ่มเติมได้อีกอย่างน้อย 5-6 คน ส่วนรายชื่อที่มีการอ้างว่าเป็นสื่อมวลชนจากการสืบสวน และมีพยานหลักฐานเชื่อว่าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการนี้ เบื้องต้นมีประมาณ 4 รายชื่อกำลังเรียกมาสอบสวน นอกจากนี้ยังพบว่ามีสื่อมวลชนอีกหลายสำนัก ที่มีการลงข่าวเกี่ยวกับเครือข่ายดังกล่าว ซึ่งอาจจะโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็อยากจะขอให้มาให้ข้อมูล และยืนยันความบริสุทธิ์กับดีเอสไอด้วย นอกจากสื่อแล้วพบว่ายังมีข้าราชการระดับนายพันเข้ามาเกี่ยวข้องในขบวนการนี้ด้วย.-สำนักข่าวไทย