กรุงเทพฯ 10 ต.ค.- คู่กรณีคดีอุบัติเหตุรถชนกันกลางสี่แยกย่านพุทธมณฑล ร้องขอความเป็นธรรมถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อ้างถูกตำรวจ สน.ศาลาแดงเจ้าของคดีหว่านล้อมให้ยอมรับผิด
นางบุษดี ลิมปชัย พนักงานบริษัทเอกชน พร้อมทนายความ นำหลักฐานคลิปวงจรปิด เข้าร้องขอความเป็นธรรม กับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หลังตกเป็นผู้ต้องหาขับรถประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัสและอีกหลายข้อหา
จากกรณี คืนวันที่21 มิถุนายน 2559 ตัวเองและเพื่อนรวมสี่คน ขับรถกระบะ มิตซูมิชิ ทะเบียน ยท 2400 กทม ชนกับคู่กรณี นายเกษม สุคนธรส กลางสี่แยกสนามกีฬา ถนนพุทธมนฑลสายสอง ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งสองฝ่าย แต่ภายหลังร้อยตำรวจเอกเสนีย์ กันพาวงศ์ พนักงานสอบสวน สน . ศาลาแดง สรุปคดีว่า ฝ่ายตัวเองเป็นฝ่ายผิด เนื่องจากไม่ชะลอความเร็วบริเวณทางร่วมทางแยก ส่วนคู่กรณีเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน ถือว่าใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ ซึ่งตัวเองเห็นว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจาก เป็นจังหวะสัญญาณไฟเขียวทั้งสองฝ่าย อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น จึงควรเป็รการประมาทร่วม ตั้งข้อหาทั้งสองฝ่าย แต่ร้อยตำรวจเอกเสนีย์ อ้างว่า จุดเกิดเหตุไม่ได้เกิดจากปัญหาไฟเขียวพร้อมกัน แต่เมื่อตัวเองตรวจสอบกล้องวงจรปิดย้อนหลัง พบว่า มีไฟเขียวเกิดขึ้นพร้อมกัน และร้อยตำรวจเอกเสนีย์ ยังอ้างว่า สี่แยกนี้ ระบบสัญญาณไฟจราจรเสียบ่อย โดยเฉพาะช่วงฝนตก ทำให้ระบบสัญญาณไฟจราจรขัดข้อง ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง และทำให้เกิดอุบัติเหตุจน มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
นางบุษดี ระบุว่า ที่ผ่านมา ร้อยตำรวจเอกเสนีย์ ได้โทรศัพท์มาพูดจาหว่านล้อมหลายครั้งให้ตัวเองยอมรับผิดตามข้อกล่าวหา ขณะที่คู่กรณีก็โทรศัพท์มาเรียกร้องขอค่าทำขวัญ 85000 บาท ซึ่งตัวเองปฏิเสธในครั้งแรก ต่อมาคู่กรณีได้โทรศัพท์มาอีก ขอเงินเพิ่มเป็น สองแสนบาท กระทั่งคดีความเข้าสู่ชั้นศาล คู่กรณีเรียกค่าทำขวัญเพิ่มเป็นหกแสนบาท พร้อมสัมทับว่า ยังไงฝ่ายตนก็ต้องเป็นฝ่ายผิด ทำให้ตัวเองเชื่อว่า ฝ่ายคู่กรณีน่าจะมีตำรวจชั้นผู้ใหญ่คอยให้คำปรึกษา จึงต้องการให้ผู้บัญชาการแห่งชาติ เอาผิด ร้อยตำรวจเอกเสนีย์ ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มาตรา157 ซึ่งเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม2560 ได้เข้าร้องทุกข์ กับกองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบแล้ว.-สำนักข่าวไทย