มอลตา 8 ต.ค. – รมว.เกษตรฯ ถกกรรมาธิการอียูยันไทยยึดหลักประมงยั่งยืน ด้านเอกชนผู้นำเข้าสินค้าประมงรายใหญ่ระดับโลกหนุนความร่วมมือปรับปรุงระบบการทำประมงและการตรวจสอบย้อนกลับของไทยตามมาตรฐานสากล
พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า การเข้าร่วมประชุมนานาชาติระดับรัฐมนตรีว่าด้วยความยั่งยืนของทรัพยากรทะเล หรือ Our Ocean Conference ครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 5 – 6 ตุลาคมนี้ ณ สาธารณรัฐมอลตา ได้หารือร่วมกับนายเคอเมนู เวลลา กรรมาธิการสิ่งแวดล้อมกิจการทะเลและประมง คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งแสดงความชื่นชมถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาประมงไอยูยูของไทย
ทั้งนี้ เห็นว่าเป็นสัญญาณที่ดีแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยจริงจังกับการแก้ไขปัญหาไอยูยู ทั้งแนวนโยบายให้มีการจัดการทรัพยากรทุกอย่างพัฒนาอย่างยั่งยืน ประมง ป่าไม้และเกษตรกรรม รวมถึงการพัฒนาระบบการทำงานด้านเทคนิคต่าง ๆ เพื่อทำให้ระบบการประมงของไทยมีประสิทธิภาพ เช่น การนำคณะเจ้าหน้าที่ประมงจากประเทศไทยเดินทางไปศึกษาดูงานศูนย์ติดตามและควบคุมเรือประมงที่สเปน และส่งเจ้าหน้าที่ไปศึกษาหลายประเทศ เช่น เกาหลีใต้ ซึ่งจากการเยี่ยมชมศูนย์เห็นว่าระบบของไทยและสเปนนั้นคล้ายกัน แต่สเปนบริหารจัดการมีประสิทธิภาพมากกว่า เนื่องจากมีประสบการณ์ยาวนานกว่า ซึ่งไทยจะนำความรู้ดังกล่าวไปพัฒนาระบบของไทยต่อไป นอกจากนี้ ยังแจ้งว่าปัญหาประมงไอยูยูเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขระดับนานาชาติ ไทยจึงเสนอให้อาเซียนจัดทำนโยบายประมงร่วมกัน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐมนตรีอาเซียนระหว่างการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านเกษตรและป่าไม้ครั้งที่ 39 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อร่างนโยบายดังกล่าวต้นปี 2561 ซึ่งทางอียูพร้อมสนับสนุนให้ข้อมูลไทยจัดทำกรอบแนวทางนโยบายประมงอาเซียน ซึ่งอียูดำเนินการมาแล้วด้วย
นอกจากนี้ ยังได้หารือร่วมกับนายบ๊อบ มิลเล่อร์ ผู้จัดการบริหารบริษัทอาหาร ซี.พี.ที่อังกฤษ ซึ่งเป็นผู้มีส่วนร่วมหลักในการจัดตั้งเครือข่ายความร่วมมือนานาชาติด้านการบริหารจัดการสินค้าประมง (Seafood Task Force) และนายนิโคลัส ไวซ์ ผู้ก่อตั้งและผู้นำกลุ่มธุรกิจเครือข่ายความร่วมมือนานาชาติด้านความยั่งยืนของทรัพยากรประมง หรือ (OceanMind) ซึ่งทั้ง 2 องค์กรเป็นกลุ่มผู้นำเข้าสินค้าประมงรายใหญ่ของโลกที่มีการนำเข้าสินค้าประมงจากไทย ซึ่งปัจจุบัน Seafood Task Force และ OceanMind มีความร่วมมือทำงานกันอย่างใกล้ชิดกับกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย และยังเห็นถึงความก้าวหน้าและความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาประมงของไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อดำเนินการให้ห่วงโซ่อุปทานหรือสายการผลิตสินค้าประมงของไทยไปสู่ความยั่งยืน ทั้งการบริหารจัดการทรัพยากร การแก้ไขปัญหาการทำประมงไอยูยู และปัญหาแรงงานในภาคการประมง ซึ่งนอกจากไทยเน้นย้ำถึงแนวทางการจัดการประมงยั่งยืนในไทย และยินดีอย่างยิ่งที่จะร่วมมือทำงานกับ Seafood Task Force และ OceanMind แล้วทั้ง 2องค์กรเครือข่ายก็พร้อมยินดีให้การสนับสนุนไทย โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์การทำประมงของเรือประมงไทยขนาดต่าง ๆ เพื่อวางแผนในการควบคุมการทำประมงให้ไปสู่แนวทางการทำประมงยั่งยืน รวมถึงการสนับสนุนระบบการตรวจสอบย้อนกลับสินค้าประมงที่ส่งออกไปต่างประเทศให้มีความชัดเจนและเป็นระบบมากขึ้นด้วย.-สำนักข่าวไทย