ลุมพินีทาวเวอร์ 3 ต.ค. – สภาผู้ส่งออก ปรับเป้าส่งออกปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 6 หวังมูลค่าส่งออกต่อเดือนเกินถึง 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ( สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก เปิดเผยว่า การส่งออกเดือนสิงหาคม 2560 มีมูลค่า 21,224 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 13.2 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มูลค่าการส่งออกในรูปเงินบาทมีมูลค่า 707,214 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 8.6 ส่งผลให้การส่งออก 8 เดือนแรกมีมูลค่า 153,623 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตร้อยละ 8.9 ขณะที่มูลค่าการส่งออกในรูปเงินบาท 8 เดือนแรก มีมูลค่า5.2 ล้านล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 6.2 ซึ่งสภาผู้ส่งออก มีการปรับเป้าหมายการเติบโตของมูลค่าการส่งออกปีนี้เป็นเติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 6 จากเดิมคาดขยายตัวร้อยละ 5 ซึ่งหากการส่งออก 4 เดือนที่เหลือของปีมีมูลค่าเกิน 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน การส่งออกปีนี้จะขยายตัวได้ร้อยละ 6.9 ใกล้เคียงกับที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายว่าโตร้อยละ 7
ส่วนปัจจัยเสี่ยงต่อการส่งออกของไทย สภาผู้ส่งออกให้น้ำหนักกับการแข็งค่าของเงินบาทมากที่สุด ซึ่งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าขึ้นร้อยละ 6.29 แข็งค่ากว่าประเทศเพื่อนบ้านและคู่แข่ง ซึ่งเงินบาทที่แข็งค่าและผันผวนจะกระทบต่อคำสั่งซื้อสินค้าเกษตร และกระทบต่อกำไรขาดทุน โดยเฉพาะผู้ส่งออกขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี ดังนั้นขอให้เอสเอ็มอีซื้อประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงินบาท นอกจากนี้สภาผู้ส่งออก กำลังติดตามร่างพ.ร.บ.การบริหารจัดการน้ำที่ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องการบริหารจัดการน้ำระหว่างเกษตรกรและโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งหากมีการเก็บภาษีน้ำจากภาคอุตสาหกรรม จะกระทบต่อต้นทุนการผลิตและส่งออกเป็นอย่างมาก
นางสาวกัณญภัค กล่าวว่า การที่พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา ถือเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐ ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน และ หวังว่าจะมีการเจรจาทวิภาคี และข้อตกลงการค้าเสรีหรือเอฟทีเอ ระหว่างสองประเทศในอนาคต เพื่อสินค้าส่งออกของไทยจะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคและบริโภค ซึ่งเดิมไทยเคยได้สิทธิจีเอสพีจากสหรัฐ ปัจจุบันสหรัฐเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของไทย มีสัดส่วนการว่งออกถึงร้อยละ 12-13 และติด1ใน 5 ของตลาดส่งออกรายใหญ่ .- สำนักข่าวไทย