พ่อแม่”น้ำมนต์”พบกองปราบแสดงความบริสุทธิ์ ยันไม่รู้เรื่องหลอกแต่งงาน

กทม.12 ก.ย.-พ่อและแม่น้ำมนต์ พบตำรวจกองปราบ ยืนยันไม่รู้เห็นการหลอกลวงแต่งงานของลูกสาว ด้านตำรวจยังไม่เปลี่ยนแปลงข้อหาในคดีนี้


นายบุญเลี้ยง และนางสำรอง บัวใหญ่ พ่อแม่นางสาวริยาภรณ์ บัวใหญ่ หรือน้ำมนต์ ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงโดยการหลอกลวงเจ้าบ่าวแต่งงาน ก่อนเชิดเงินค่าสินสอดหนี เข้าพบพลตำรวจตรีสุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้บังคับการกองปราบปราม เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจหลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยร่วมกับลูกสาวก่อเหตุและถูกตำรวจออกหมายเรียก 

นายบุญเลี้ยง ยืนยัน ไม่เคยได้ผลประโยชน์จากการแต่งงานของลูกสาว และว่าเคยไปร่วมงานแต่งงานลูกสาว 4 ครั้ง โดยลูกสาวเป็นคนออกเงินค่าเดินทางให้ งานแต่งแต่ละครั้งเห็นว่าทำไปโดยถูกต้องตามประเพณี มีฝ่ายเจ้าบ่าวมาสู่ขอ จึงไม่รู้สึกผิดปกติ ยอมรับเคยถามลูกเรื่องแต่งงานหลายครั้ง ลูกสาวจะอ้างว่าได้เลิกกับคนเก่าแล้วมาคบกับคนใหม่ และเห็นว่าลูกมีอายุมากพอสมควร มองความรักเป็นเรื่องส่วนตัว อีกทั้งไม่ได้มีลูกสาวเพียงคนเดียว จึงไม่ได้ขัดข้องและเนื่องจากครอบครัวก็ประกอบอาชีพหาเช้ากินค่ำ ไม่เคยเรียกค่าสินสอด และสินสอดที่ฝ่ายชายนำมาหมั้นหมายได้คืนให้ลูกไปทำทุนทั้งหมด งานแต่ละครั้งก็ไม่ได้พาญาติคนอื่นไปด้วย เพราะปัญหาทางการเงิน ส่วนเรื่องลูกสาวเปลี่ยนไปใช้ชื่อนางสาวสร้อยเพชร และเรื่องทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ พาเหยื่อถูกลูกสาวหลอกฝากเข้าทำงานโดยมีพ่อและแม่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยนั้น ขอยืนยันว่าไม่ทราบในรายละเอียดและยังไม่ขอพูดถึงเรื่องนี้ ที่เดินทางมาพบตำรวจกองปราบ ก็เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่า ไม่ได้รู้เห็นหรือตั้งใจหลอกลวงผู้เสียหายแต่อย่างใด


ด้านพันตำรวจเอกสุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยว่า เบื้องต้นทั้งสองไม่ได้มาตามหมายเรียก เป็นความสมัครใจเข้ามาแสดงความบริสุทธิ์ โดยจะสอบปากคำทั้งสองคนไว้เบื้องต้น ส่วนเรื่องวานนี้(11 ก.ย.)ทนายสงกานต์ นำผู้เสียหายมาร้องทุกข์เพิ่มโดยเฉพาะประเด็นการวิ่งเต้นฝากเข้าทำงาน เรื่องดังกล่าวพ้นอำนาจพนักงานสอบสวนแล้ว คดีอยู่ในชั้นศาล จึงไม่สามารถนำมาดำเนินคดีได้อีก ส่วนเรื่องที่น้ำมนต์ปลอมใช้ชื่อของนางสาวสร้อยเพชร อยู่ระหว่างพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่านางสาวสร้อยเพชร มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำผิดหรือไม่ อย่างไรก็ตาม การกระทำของผู้ต้องหายังอยู่ในฐานความผิดเดิม คือฉ้อโกง ยังไม่มีเหตุให้ต้องพิจารณาเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง