กรุงเทพฯ 11 ก.ย.- ตำรวจกองปราบฯ ยอมรับยังไม่มีความชัดเจนการดำเนินคดีฐานฟอกเงินกับ “น้ำมนต์” ต้องรอ ปปง.เข้าแจ้งความก่อน
พันตำรวจเอกสุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บังคับการกองปราบปราม กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับนางสาวจริยาภรณ์ บัวใหญ่ หรือ น้ำมนต์ ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงหลอกลวงชาย 14 คนแต่งงานแล้วเชิดทรัพย์สินหลบหนีไปว่า ในส่วนของทางกองปราบปรามได้รับคำร้องเรียนจากผู้เสียหายแต่ละรายไว้แล้ว แต่หลายสำนวนกองปราบปรามไม่สามารถดำเนินการได้เอง เพราะมีการร้องเรียนในแต่ละพื้นที่เกิดเหตุไปแล้ว จึงทำได้เพียงสนับสนุนข้อมูลการสืบสวนสอบสวนส่งให้แต่ละพื้นที่ไปพิจารณาดำเนินคดีต่อไป
ส่วนกรณีผู้เสียหายรายใหม่ที่จะเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน เวลา 16.30 น.วันนี้ หลังร้องทุกข์แล้วก็จะต้องพิจารณาเช่นเดียวกันว่า มีการร้องเรียนที่ใดมาก่อนหรือไม่ หากพบว่าไม่เคยแจ้งความที่ใดมาก่อน กองปราบก็จะรับผิดชอบสำนวนคดีนั้น
สำหรับคดีนี้ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สั่งกำชับเพียงให้ทำคดีนี้ให้ชัดเจน และให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย รวมถึงเรื่องการดำเนินคดีกับบิดาและมารดาของน้ำมนต์ ที่ต้องพิสูจน์ให้ชัดเจนก่อนว่า จากพฤติการณ์ในคดีนี้ มีเจตนากระทำผิดหรือรู้เห็นในการกระทำผิดด้วยหรือไม่ และหากมีความจำเป็นก็จะเรียกตัวบิดาและมารดามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนต่อไป
อย่างไรก็ตาม สำหรับการพิจารณาเอาผิดฐานฟอกเงิน อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานให้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. พิจารณาเส้นทางการเงินของผู้ต้องหา ซึ่งเป็นกระบวนการปกติในคดีฉ้อโกง ที่ต้องมีการตรวจสอบที่มาที่ไปของทรัพย์สิน ว่ายังคงเหลืออยู่เท่าใด และกระจายทรัพย์สินไปให้ใครบ้าง และไม่ยืนยันทรัพย์สินที่น้ำมนต์ได้มาจากการหลอกลวงชายแต่งงานอาจถูกนำไปใช้จนหมดแล้วนั้น ต้องรอการตรวจสอบพยานหลักฐานให้ชัดเจนก่อน รวมถึงเรื่องการดำเนินคดีฐานฟอกเงิน ที่ต้องรอให้ ปปง. เข้าแจ้งความดำเนินคดีก่อน.-สำนักข่าวไทย