“ศรีวราห์”ยังไม่พบเบาะแส”ยิ่งลักษณ์”หลบหนี

กรุงเทพฯ 1 ก.ย.- ศรีวราห์ พบรถต้องสงสัย 1 คันพาอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์หลบหนี ขณะที่ตำรวจสากลทั้ง 190 ประเทศ รวมทั้งสหรัฐเอมิเรตส์ ดูไบ กัมพูชา รายงานไม่พบรายชื่อยิ่งลักษณ์เข้าออกประเทศ


พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัวนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีทุจริตรับจำนำข้าว ว่าเบื้องต้นได้รับรายงานเป็นเอกสารจาก 15 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเบื้องต้น  ยังไม่มีหน่วยงานไหนพบเบาะแสนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ที่ยืนยันไม่พบการเดินทางออกนอกประเทศ ขณะที่การตรวจสอบทางช่องทางธรรมชาติของตำรวจตระเวนชายแดนก็ยังไม่พบเช่นกัน 

ส่วนการติดตามของตำรวจสากล  190 ประเทศทั่วโลก ที่ได้ประสานไปก่อนหน้านี้ ยืนยันยังไม่พบเบาะแสของนางสาวยิ่งลักษณ์เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นประเทศกัมพูชา สิงคโปร์ หรือ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยนางสาวยิ่งลักษณ์มีโอกาสเล็ดลอดออกนอกประเทศไปได้ แต่จากพยานหลักฐานที่มียังไม่มีการชี้ชัด ว่าหลบหนีไปที่ไหน 


สำหรับการเรียกสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้ง 14 คนนั้น ได้สอบปากคำไปแล้วบางส่วน ซึ่งให้การที่เป็นประโยชน์และระบุว่าพบนางสาวยิ่งลักษณ์เป็นวันสุดท้ายในช่วงเวลาบ่าย 2 โมง ของวันที่ 23 สิงหาคม หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพบนางสาวยิ่งลักษณ์อีก ยืนยันยังไม่ถึงทางตัน โดยให้ 15 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานผลให้ทราบทุก 5 วัน 

 นอกจากนี้ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังนำคลิปวิดิโอภาพวงจรปิดบริเวณบ้านพักของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องหาตามหมายจับไม่เข้าฟังการพิจารณาตัดสินคดีจำนำข้าวเมื่อวันที่ 25 ส.ค.มาเปิดให้สื่อมวลชนดูพร้อมกับชี้แจงข้อเท็จจริงหลังปรากฎเป็นข่าวว่ามีรถตราโล่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องสงสัยพา น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนี โดยยืนยันยันว่า จากการตรวจสอบรถคันดังกล่าวเป็นรถกระบะสายตรวจของตำรวจ สน.ลาดพร้าว ทะเบียน ฆห 7334 กรุงเทพ ที่ออกตรวจตามปกติตามวงรอบ โดยมี ร้อยตำรวจเอกวิรัตน์ เนื้อแก้ว รองสารวัตรป้องกันปราบปราม และ ดาบตำรวจ นพคุณ ศรณรินทร์  ผู้บังคับหมู่ปราบปราม สน.ลาดพร้าวเป็นคนขับ ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดพบรถคันดังกล่าวขับออกจากป้อมยามตำรวจ บริเวณบ้านนางสาวยิ่งลักษณ์ เมื่อเวลา 20:50 น. คืนวันที่ 23 สิงหาคม   โดยภาพจากกล้องวงจรปิดจับได้เมื่อเวลา 20:55 น.

โดยร้อยตำรวจเอกวิรัตน์ ยืนยันเป็นการออกตรวจตราความเรียบร้อยที่จุดตรวจป้อมยามใกล้กำแพงบ้านนางสาวยิ่งลักษณ์ และไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด


และวันนี้ยังได้นำรถคันดังกล่าวมาให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจหาวัตถุพยานหลักฐานดีเอ็นเอ ตลอดจนสิ่งแปลกปลอมต่างๆเพื่อให้สิ้นข้อสงสัย หลังมีกระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือ  ส่วนรถที่เข้าออกบ้านนางสาวยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะวันที่ 23 และ 24 สิงหาคม พบมีรถเข้าออกรวม 20 คัน และยังมีรถต้องสงสัยที่ติดตามอยู่อีก 1 คัน แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ใบประกอบวิชาชีพครู

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู”

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู” แนะรีบต่ออายุใบอนุญาต หลังคุรุสภาออกมาตรการ 5 ต. คุมเข้มทุกโรงเรียนทั่วไทย

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล หรือ TDAC ล่วงหน้า อย่างน้อย 3 วันก่อนเดินทาง ตามกฎใหม่ ตม.

พีชเรียกอาต่าย

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” โอ้อวดเรียก “อาต่าย” ลั่นไม่ใช่ญาติ

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” คู่กรณีรถกระบะ โอ้อวดเรียก “อาต่าย” รู้จักคนในรัฐบาล หวังผลคดี ลั่นไม่ใช่ญาติ สอนลูกเสมออย่าทำตัวเป็นขยะสังคม บอกประชาชนใช้วิจารณญาณเลือกตั้ง

“นายกเบี้ยว” ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้-ดูแลลุงคู่กรณี

“นายกเบี้ยว” รับจบแทนลูก ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้ ดูแลลุงคู่กรณี ระบุสอนลูกไม่ดี ไม่มีเวลาให้ลูก ปฏิเสธไม่สนิทกับ ผบ.ตร. อย่าเอาท่านมาแปดเปื้อน ส่วนที่ลูกชายยังไม่ไปเยี่ยมลุงคู่กรณี เนื่องจากกลัวโดนถูกโวยวาย

ข่าวแนะนำ

ลุยรื้อถอนต่อเนื่องเข้าวันที่ 24 จนท.ทำงานหนักตลอด 24 ชม.

เดินหน้ารื้อถอนอาคาร สตง. เข้าสู่วันที่ 24 แล้ว เจ้าหน้าที่ทำงานตลอด 24 ชม. เพื่อให้เสร็จตามแผน ขณะที่ภารกิจค้นหาผู้ติดค้างยังคงดำเนินต่อเนื่อง

ปล่องลิฟต์ตึกถล่ม

กทม.เดินหน้าเจาะปล่องลิฟต์ ค้นหาผู้สูญหายตึก สตง.

ผู้ว่าฯ กทม. เผยปฏิการค้นหาร่างผู้สูญหายจากเหตุตึก สตง.ถล่ม วันนี้เน้นเจาะปล่องลิฟต์-บันไดหนีไฟ หลังวานนี้ (18 เม.ย.) พบผู้เสียชีวิตในจุดดังกล่าวเพิ่มอีก 6 ราย ยืนยัน กทม. ให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานในการเข้า เก็บพยานหลักฐาน เพื่อหาตัวผู้รับผิดชอบกับเหตุการณ์ดังกล่าว