นนทบุรี 30 ส.ค.-รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ ยันพร้อมทำโครงการประชารัฐสวัสดิการเต็มที่่ เริ่มได้แน่ 1 ต.ค.นี้ เชิญชวนร้านค้า โชวห่วยเข้าร่วม
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า หลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้กระทรวงการคลังดำเนินโครงการประชารัฐสวัสดิการ เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยจำนวนกว่า 11.67 ล้านคน ซึ่งในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ได้เตรียมหารือผู้ประกอบการใน 3 กลุ่มสินค้า คือ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มสินค้าเพื่อการศึกษา และกลุ่มสินค้าเพื่อการเกษตร เพื่อสรุปรายการสินค้าที่จะนำมาเข้าร่วมโครงการ จากปัจุบันที่มีอยู่แล้ว 48 รายการเฉพาะในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งคาดว่าจะมีสินค้าธงฟ้าประชารัฐเข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 100 รายการ แต่จะไม่รวมสินค้าประเภทสุราและยาสูบแต่อย่างไร
ทั้งนี้ กรมการค้าภายในจะเร่งเปิดรับสมัครร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ โดยร้านค้าต้องมีคุณสมบัติ คือ เป็นร้านค้าโซห่วย ร้านค้าชุมชน หรือ ร้านค้าสหกรณ์ ที่มีความพร้อมตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะสม และมีระบบ TAX ID หรือบัตรประชาชนที่เป็นแบบซิปการ์ด ซึ่งร้านค้าจะได้สิทธิในการซื้อสินค้าราคาพิเศษ จากผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ เพื่อให้สามารถนำไปจำหน่ายในราคาต่ำกว่าราคาปกติร้อยละ 15-20 และเท่าที่ได้มีการหารือกับกลุ่มผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ส่วนใหญ่สนใจที่จะเข้าร่วมโครงการดังกล่าวกับภาครัฐเพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ที่รายได้น้อยอย่างเต็มที่ โดยกระทรวงพาณิชย์ได้รับงบประมาณเพื่อร่วมจัดทำโครงการเหล่านี้ปีละเกือบ 40,000 ล้านบาท โดยหลังจากดำเนินการไปแล้ว 3 เดือนจะทำการประเมินผลเพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยได้รับสวัสดิการจากภาครัฐอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นกระทรวงพาณิชย์ ตั้งเป้าเบื้องต้นให้ได้ 8,000 ร้านค้า หรือ ตำบลละ 1 ร้านค้า และหากได้รับความสนใจก็จะเพิ่มขึ้นในอนาคต และจะประสานไปยังกระทรวงการคลัง ให้เข้าติดตั้งเครื่องรูดบัตร หรือ เครื่อง EDC เพื่อบันทึกข้อมูลการซื้อสินค้าผ่านบัตรสวัสดิการ คาดว่าน่าจะเริ่มใช้วันแรกในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ โดยนายกรัฐมนตรีจะทำการเปิดปุ่มโครงการนี้ต่อไป
ทั้งนี้ ผู้ที่จะได้รับบัตรสวัสดิการ จะเป็นคนที่ได้ขึ้นทะเบียนผู้มีรายได้น้อยเพื่อรับสวัสดิการแห่งรัฐไว้ก่อนหน้านี้ โดยผู้มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี จะได้รับสวัสดิการ 300 บาทต่อเดือน และผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 100,000 บาทต่อปี จะได้รับสวัสดิการ 200 บาทต่อเดือน โดยรัฐบาลจะเริ่มแจกบัตรสวัสดิการตั้งแต่วันที่ 21 กันยายนเป็นต้นไป
นายสนธิรัตน์ยังกล่าวอีกว่ายังได้เร่งรัดให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ดำเนินโครงการ พัฒนาต้นแบบร้านค้าผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น หรือ ร้าน “MOC Biz Shop” ขึ้น เพื่อสร้างช่องทางการจำหน่ายให้กับผลิตภัณฑ์ชุมชน และสินค้าโอทอป โดยจะใช้เครือข่าย MOC Biz Club ที่มีอยู่ 77 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งมีการบริการจัดการธุรกิจเป็นมืออาชีพ เข้าไปช่วยพัฒนาร้านค้าผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ที่มีอยู่ทั่วประเทศ ในด้านความรู้การบริหารจัดการ การออกแบบผังร้าน การจัดวางสินค้า รวมถึงเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจค้าส่งค้าปลีก และผู้ผลิตสินค้าท้องถิ่น ผ่านการอบรมเชิงปฏิบัติการ และการศึกษาดูงานในธุรกิจค้าปลีกที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งจะเน้นสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ และเชื่อมโยงเข้ากับแหล่งท่องเที่ยว ควบคู่พัฒนาเศรษฐกิจรองรับยุค 4.0 ตามแนวทางสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นให้เติบโต
โดยขณะนี้ มีร้านค้าผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นสนใจเข้าร่วมโครงการพัฒนาองค์ความรู้ เพิ่มศักยภาพการแข่งขันกว่า 80 ร้านค้า ใน 30 จังหวัด แต่ในระยะแรก จะจัดทำให้เป็นร้านต้นแบบใน 10 จังหวัด ก่อนขยายให้ครบทั่วประเทศ พร้อมช่วยต่อยอดเข้าสู่การตลาดแบบออนไลน์ เพื่อเพิ่มช่องทางด้านการตลาดที่ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าได้ทั่วถึง.-สำนักข่าวไทย