สำนักงานประกันสังคม 28 ส.ค.-เลขาฯ สปส. ย้ำประกันสังคม คุ้มครองผู้ประกันตนป่วยโรคมะเร็ง มีสิทธิได้รับการรักษาและยาตามดุลยพินิจแพทย์ โดยไม่เรียกเก็บเพิ่ม
นายสุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.)กล่าวถึง กรณีที่มีผู้ประกันตนโพสต์ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า ป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวระยะที่ 3 แต่สิทธิประกันสังคมจ่ายยาให้เฉพาะคนที่เป็นมะเร็งระยะแรกเท่านั้น ว่า ยืนยันสำนักงานประกันสังคม ให้ความคุ้มครองกรณีผู้ประกันตนเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งและโรคอื่นๆ โดยผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับการรักษาและรับยาตามดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา ถึงแม้ว่ายาที่มีความจำเป็นต้องใช้ในการรักษาโรคของผู้ประกันตนจะไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามแนวทางกำกับการใช้ยาบัญชี จ(2) ก็ตามแต่หากแพทย์วินิจฉัยว่าสมควรได้รับ ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับยานั้นๆ ตามความเห็นของแพทย์ผู้รักษา โดยไม่มีการเรียกเก็บเงินจากผู้ประกันตนแต่อย่างใด ซึ่งการรักษามะเร็งแต่ละชนิดมีแนวทางการรักษาแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ถ้าหากการรักษาวิธีใด ไม่ได้ผล หรือไม่ตอบสนองต่อยาที่รักษา สามารถใช้แนวทางการรักษาอื่นได้ ตามที่เเพทย์เห็นสมควร โดยสำนักงานประกันสังคมจะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ประกันตน โดยไม่กำหนดเพดานค่าใช้จ่าย แต่หากพบว่าการรักษาของแพทย์เป็นไปในเชิงทดลอง เช่นไปรับยาจากบริษัทอื่นที่ไม่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาทดลองใช้กับคนไข้ โดยยาไม่ได้รับการรับรองจาก อย.จะไม่สามารถเบิกค่ายากับสำนักงานประกันสังคมได้เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยเป็นหนูทดลองของแพทย์
นอกจากนี้ประกันสังคม ยังดูแลครอบคลุมถึงการปลูกถ่ายไขกระดูก หากระยะของโรคเป็นไปตามหลักเกณฑ์การอนุมัติสิทธิ ปลูกถ่ายไขกระดูกของสำนักงานประกันสังคมผู้ประกันตนจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดใดโดยโรงพยาบาลพี่ปานรักษากระดูกจะได้รับค่าบริการทางการแพทย์จากสำนักงานประกันสังคมถ้าเป็นเนื้อเยื่อของตนเองจะจ่ายในอัตรา 750,000 บาทต่อราย แต่ถ้าเป็นเนื้อเยื่อของคนอื่น จ่ายให้ 1,300,000 บาทต่อราย
ส่วนหลักเกณฑ์การจ่ายชดเชยค่าบริการทางการแพทย์ กรณีโรคมะเร็ง สำนักงานประกันสังคมมีการจ่ายเพิ่มนอกเหนือจากการจ่ายค่าบริการทางการแพทย์แบบเหมาจ่าย ในกรณีที่ให้การรักษาด้วยยาเคมีบำบัดหรือรังสีรักษา โรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลจากสำนักงานประกันสังคมเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นแต่ไม่เกิน 50,000 บาท ต่อรายต่อปีด้วย .-สำนักข่าวไทย