กทม. 25 ส.ค. – แล้วประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอย สองพี่น้องตระกูลชินวัตรต่างหนีคดี และถูกออกหมายจับด้วยกันทั้งคู่ เป็นบทสะท้อนถึงการเมืองในอนาคตของตระกูลชินวัตร ติดตามรายงานทีมข่าวการเมือง
ก่อนการพิพากษาคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว 1 วัน น้องสาวคนเล็กของตระกูลชินวัตรยังคงปิดบ้านเงียบ แต่ก็ยังพบเห็นคนใกล้ชิดแวะเวียนอยู่ที่บ้านพักย่านโยธินพัฒนา 3 ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เมื่อถึงวันพิพากษา เหล่าคนสนิทก็มารอต้อนรับ เว้นแต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำตัวที่ไม่ได้มาด้วย เมื่อถึงเวลานัด น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับไม่เดินทางมาพร้อมอ้างอาการป่วย แต่ไม่มีใบรับรองแพทย์ ศาลจึงออกหมายจับ และเลื่อนนัดฟังคำพิพากษา แม้ก่อนหน้านี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะยืนยันมาตลอดว่าไม่คิดหนีคดี แต่เวลานี้คนใกล้ชิดกลับไม่ยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังอยู่ในบ้านพักหรือไม่
หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยพี่ชายตระกูลเดียวกัน อย่างนายทักษิณ ชินวัตร ที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศหรือไม่ เพราะเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2551 นายทักษิณไม่ไปรายงานตัวต่อศาลในคดีประมูลซื้อที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษก ก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี ฐานกระทำผิดพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. และออกหมายจับ ซึ่งขณะนี้นายทักษิณก็ยังหลบหนีคดีอยู่
หากจะย้อนรอยบุคคลที่เคยหนีคดี หลังถูกศาลฎีกาตัดสิน ก็มีทั้งนายวัฒนา อัศวเหม ศาลมีคำพิพากษาคดีทุจริตที่ดินคลองด่านเมื่อปี 2551 ลงโทษจำคุก 10 ปี และริบพระผงสุพรรณเลี่ยมทองของกลาง พร้อมออกหมายจับ แต่ปัจจุบันนายวัฒนายังอยู่ระหว่างหลบหนี
นายรักเกียรติ สุขธนะ ศาลมีคำพิพากษาคดีรับสินบนบริษัทยา เมื่อปี 2546 ลงโทษจำคุก 15 ปี และมีโทษจำคุกตามคดีเช็ค อีก 30 เดือน รวม 17 ปี 6 เดือน แต่นายรักเกียรติหลบหนี ไม่มาฟังคำพิพากษา สุดท้ายถูกจับกุมตัวมารับโทษช่วงปลายปี 2547
นายประชา มาลีนนท์ คดีทุจริตจัดซื้อเรือและรถดับเพลิง กทม. ศาลมีคำพิพากษาเมื่อปี 2556 จำคุก 12 ปี แต่นายประชาไม่มาฟังคำพิพากษา และคาดว่าได้หลบหนีไปอยู่สหรัฐหรือในยุโรปแล้ว
จากประวัติการหลบหนีคดีที่ผ่านมา หากจับกุมตัวไม่ได้ก็ไม่มีใครได้กลับประเทศไทยอีก ที่สุดแล้ว น้องสาวคนสุดท้องของตระกูลชินวัตรจะเลือกเดินตามรอยพี่ชายหรือไม่ คงต้องติดตามต่อไป. – สำนักข่าวไทย