เมืองทอง 16 ส.ค. – นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายจัดทำงบประมาณปี 62 เน้นพัฒนาระดับ 6 ภาค หวังสร้างรายได้ทุกพื้นที่เท่าเทียมกัน สอดคล้องตามยุทธศาสตร์ชาติ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 ให้กับหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อนำยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่ระดับภาคมาใช้เป็นกรอบการจัดทำแผนเชื่อมโยงกับมิติบูรณาการ มิติพื้นที่ และเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 12 นายกรัฐมนตรีสอดรับกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 หลังจากผู้มีรายได้น้อยลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐคัดเลือกผู้ผ่านคุณสมบัติเบื้องต้น 11 ล้านคน แต่มองว่าการช่วยเหลือเงินและสวัสดิการยังไม่เพียงพอ รัฐบาลจึงมุ่งเน้นพัฒนาทั้ง 6 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ กลาง ตะวันออก (EEC) ภาคใต้ และ4 จังหวัดภาคใต้ เพื่อส่งเสริมรายได้ให้ใกล้เคียงกันประมาณ 30,000-40,000 บาทต่อเดือน จึงจะพออยู่ได้ในยุคปัจจุบัน
สำหรับการเน้นพัฒนาระดับภาค เพื่อต้องการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนแต่ละระดับภาคต้องให้สอดคล้องตามศักยภาพพื้นที่ เช่น ภาคเหนือ มีอัตลักษณ์โดดเด่น มีวัฒนธรรมท้องถิ่นล้านนา จึงต้องพัฒนาด้านท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน การพัฒนาโลจิสติกส์รองรับการขนส่งสินค้า เชื่อมโยงกับเพื่อนบ้านทุกทิศทางตะวันออก ตะวันตก ทั้งระบบราง มอเตอร์เวย์ รถไฟทางคู่ ท่าเรือ เพื่อเป็นจุดศูนย์กลางกระจายสินค้า เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน กำหนดให้ประเมินผลงานหัวหน้าส่วนราชการ องค์กรในการประหยัดพลังงาน เพื่อคุมเข้มให้เกิดการเปลี่ยนแปลง สำหรับการแก้ปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม มุ่งพัฒนาสินค้าโอทอปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มสอดรับยุทธศาสตร์เดียวกันจากหลายหน่วยงาน
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีนโยบายส่งเสริมการปลูกไม้ยืนต้น 5 ปี ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ข้าราชการทุกคนปีนี้ต้องเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลงประเทศ เพราะกระแสโลกพัฒนาก้าวต่อเนื่องไปทุก การจัดทำงบประมาณปีนี้เป็นปีแรกที่เน้นพัฒนาระดับภาคเป็นสำคัญ รัฐบาลจึงต้องกำหนดแผนการพัฒนาเศรษฐกิจผ่านนโยบายต่าง ๆ เพื่อเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งถนน แหล่งน้ำ ไฟฟ้า ประปา การพัฒนาแรงงานฝีมือ แบ่งแยกการจัดงบประมาณเพื่อช่วยเหลือดูแลเฉพาะกลุ่มที่มีปัญหา และใช้งบดูแลในภาพรวม เน้นส่งเสริมด้านการศึกษาเพื่อพัฒนาบุคคลากรให้เป็นแรงงานคุณภาพ ขอให้สถบันการศึกษาผลิตบุคคลากรให้ตรงกับความต้องการของตลาด ต้องผลิตแรงงานให้ตรงกับศักยภาพในพื้นที่
นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่า การจัดทำงบประมาณปี 2562 เร่งจัดทำเร็วกว่าทุกปี เนื่องจากรัฐบาเน้นการจัดทำงบพัฒนาระดับภาคแทนการจัดทำงบประมาณแบบกลุ่มจังหวัด เพื่อพัฒนาทั้ง 6 ภาค เพราะแต่ละภาคมีตั้งแต่ 5-23 จังหวัด ขณะที่กลุ่มจังหวัดมีเพียง 4-5 จังหวัด จึงต้องเร่งจัดทำงบระดับภาคตั้งแต่บัดนี้ เพื่อให้ชาวบ้านแต่ละพื้นที่เสนอความต้องการการพัฒนา ไม่ใช่พิจารณางบประมาณลงมาจากส่วนกลางเพียงอย่างเดียวและหลายกระทรวงจัดสรรงบประมาณต้องสอดคล้องยุทธศาสตร์เดียวกันไม่ซ้ำซ้อน เพื่อให้การพัฒนาแต่ละด้าน เช่น ยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวมีหลายหน่วยงานใช้งบประมาณไปด้านเดียวกันในแต่ละภาค เช่น สร้างถนน ไฟฟ้า พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาสินค้าโอทอป ชุมชน อาหาร
สำหรับกรอบงบประมาณปี 2562 ต้องหารือร่วมกัน 4 หน่วยงาน ทั้งกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อประเมินผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีพีดี) กำหนดเป้าหมายรายได้ รายจ่ายผ่านสมมติฐานร่วมกันช่วงเดือนธันวาคม จากนั้นเสนอ ครม.เดือนมกราคมปี 2561 หลังจากจัดทำงบประมาณปี 2561 จะเริ่มใช้วันที่ 1 ตุลาคม 2560 ได้กำหนดเป้าหมายจีดีพีขยายตัวร้อยละ 3.3-4.3 เป้าหมายรายได้ 2.45 ล้านล้านบาท งบประมาณรายจ่าย 2.9 ล้านล้านบาท เป็นงบประมาณขาดดุล 450,000 ล้านบาท งบประมาณด้านการลงทุน 650,000 ล้านบาท
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 ยังต้องเป็นแบบขาดดุลต่อไปอีก เนื่องจากรัฐบาลยังต้องกู้เงินรองรับการลงทุนโครงการขนาดใหญ่อีกหลายโครงการ สำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แต่จะทยอยปรับลดการขาดดุลปีถัดไป เพื่อไปสู่เป้าหมายการจัดทำงบสมดุลตามเป้าหมายปี 2568 หรืออีก 8 ปี ข้างหน้า.-สำนักข่าวไทย